AMD เตรียมออก AI Chip รุ่นใหม่ เพื่อแข่งขันกับ Nvidia

ถ้ากล่าวถึงการเป็นคู่แข่งกันระหว่างค่ายในช่วงยุค 2000 ในวงการไอทีนั้น คงไม่พ้นศึกซีพียูระหว่าง AMD และ Intel และ ATI กับ Nvidia ซึ่งภายหลัง AMD ก็ได้ทำการเทคโอเวอร์ ATI ไป ทำให้ AMD นั้นต้องตกอยู่ระหว่าง 2 ศึก สู้กับทั้ง Nvidia และ Intel มาถึงปัจจุบันศึกของ AMD ก็ได้ลามไปถึงชิปสำหรับการใช้งานด้าน AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ แล้ว

โดยในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง AMD ได้ทำการเปิดตัวชิปด้าน AI ตัวใหม่ซึ่งทาง AMD กล่าวว่าเป็น ซีพียู ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่เน้นไปในด้านการใช้งาน AI หรือเรียกว่า AI PC โดยเฉพาะ เช่น การใช้งานฟีเจอร์แปลภาษาแบบ Real-time เป็นต้น และทาง AMD ยังอ้างอีกว่าซีพียูตัวดังกล่าวนั้นจะเป็นตัวที่มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานในเชิงธุรกิจ โดยทาง AMD จะทำการเปิดตัวชิปนี้อย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) นี้

ซึ่งสำหรับชิปดังกล่าวนั้น ทาง AMD ก็ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง แต่ได้อาศัยบริการจากผู้ผลิตชิปชื่อดังจากไต้หวันอย่าง TSMC โดยทาง TSMC เองนั้นก็มีแผนที่จะเปิดตัวชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 3 นาโนเมตร และมีแผนที่จะเปิดตัวชิปที่มีการผลิตในสถาปัตยกรรมที่เล็กลงไปถึงขนาด 2 นาโนเมตร ในปีหน้า

โดยถึงแม้สถาปัตยกรรมการผลิตจะเล็กลงแต่พลังในการทำงานของชิปนั้นจะทรงพลังมากกว่าที่เคยเป็นมา เมื่อเทียบกับชิป Ryzen Pro 8040 ของ AMD ที่ผลิตเพื่อการใช้งานกับคอมพิวเตอร์แบบพกพานั้น ก็ยังใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ใหญ่ถึงขนาด 4 นาโนเมตร

สำหรับการเคลื่อนไหวนี้นั้น คาดการณ์กันว่าน่าจะมาจากการต่อสู้กับทาง Nvidia และ Intel ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจโดยตรง โดยในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ทาง Nvidia ก็ได้ทำการเปิดตัวชิป GPU เพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ พร้อมเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจเช่น Dell, Acer และ Lenovo

นอกจากนั้นแล้ว คู่แข่งอย่าง Intel ก็ยังได้ทำการเปิดตัวชิปประมวลผล AI สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยกล่าวว่าจะถูกนำไปใช้งานบน AI PC 230 ตัวแรกจาก คู่ค้าอย่าง Acer, Lenovo, Asus, Dell, HP, และ Acer อีกด้วย

จากความเห็นของนักวิเคราะห์แห่งบริษัทด้านการวิจัยชื่อดังอย่าง Gartner ได้กล่าวว่า “การนำเอา AI สำหรับการสร้างสรรค์สื่อตามคำสั่ง (Generative AI) และเครื่องมือประมวลผล AI มาใช้งานบนอุปกรณ์โดยตรงนั้น จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับยุคถัดไป”