OpenAI ย้ำ GPT5 ฉลาดขึ้นมาก แต่ยังทำงานแทนที่ "คน" ไม่ได้อีกหลายอย่าง

การเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI สร้างความหวาดหวั่นไปทุกวงการถึงในแง่ที่เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาแทนที่คนในการทำงาน อย่างเช่น การนำเอาเครื่องมือยอดนิยมอย่าง ChatGPT ไปช่วยในงานสารพัดรูปแบบ จนหลายคนอาจคิดว่าเครื่องมือตัวนี้จะสามารถทำงานแทนคนได้ทั้งหมด ทว่า ทางผู้พัฒนากลับคิดไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อาจจะทำให้ผู้อ่านหลายรายเบาใจไปได้เสียสักหน่อยหนึ่ง

จากรายงานโดยสำนักข่าว The Guardian ได้เปิดเผยถึงความคิดเห็นของ Sam Altman ผู้บริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาโมเดล AI ชื่อดังอย่าง GPT และเครื่องมือสำหรับการสร้างสื่อ (Generative AI) ChatGPT ต่อพัฒนาการล่าสุดของผลิตภัณฑ์ AI เหล่านี้ว่า เป็นพัฒนาแบบก้าวกระโดด ที่ตัว AI นั้นสามารถทำงานได้มากมายหลายอย่าง และเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพา GPT ไปสู่การเป็น AI เพื่อการใช้งานทั่วไป หรือ Artificial General Intelligence (AGI) ที่สามารถทำงานหลายอย่างแทนคนได้ด้วยตนเอง พร้อมกับความรวดเร็วและการมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง จนระดับที่ว่า ทำงานแทนที่มนุษย์ได้

แต่ในขณะเดียวกัน คุณ Altman ก็ให้ความเห็นว่า GPT5 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของโมเดล AI ในซีรีส์ GPT ถึงแม้จะมีพัฒนาการที่ดี มีประสิทธิภาพที่สูง แต่ก็ไม่ได้ทำงานได้ถึงในจุดที่แทนคนได้อย่างที่เข้าใจกัน เนื่องมาจากตัว AI นั้นขาดคุณลักษณะที่สำคัญหลายอย่างที่จะนำพาไปสู่การเป็น AI ในรูปแบบ AGI โดยเฉพาะ “ความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” หรือ “Continuously Learn” ดังนั้น แม้ว่า GPT5 นั้นจะฉลาดในระดับที่เรียกว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก” เมื่อเทียบกับ GPT ในรุ่นก่อนที่ความสามารถเทียบเท่าแค่ระดับ “นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย” เท่านั้น ก็ยังไม่ได้ฉลาดในระดับแทนที่มนุษย์ได้อย่างน้อยในขณะนี้

ถึงแม้คำพูดดังกล่าวในข้างต้นจะทำให้หลายคนเบาใจไปบ้าง แต่เบื้องหลังนั้นทาง OpenAI รวมไปถึงบริษัทด้านเทคโนโลยี AI อื่น ๆ ได้ทำการทุ่มเททั้งเงินทุนและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตนเองไปจนถึงระดับ AGI ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสถานการณ์ด้านการพัฒนา AI นั้นก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในระดับที่ผู้บริหารของบริษัทผู้พัฒนา AI อย่างคุณ Dario Amodei จาก Anthropic ได้ออกมาทำการเตือนด้วยตนเองว่าภายใน 5 ปีข้างหน้างานระดับเบื้องต้น (Entry Level) ที่เป็นงานออฟฟิศอาจหายไปจากตลาดงานมากกว่าครึ่ง ซึ่งหมายถึงจะมีผู้ตกงานเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน นอกจากนั้นความสามารถของ AI อาจจะสามารถแทนที่แรงงานระดับสูงในหลายอาชีพได้ ตั้งแต่ ทนาย, นักบัญชี, นายธนาคาร ไปจนถึง แพทย์ เลยทีเดียว

กลับมาในส่วนของ GPT5 ขณะนี้ได้เปิดให้ผู้ใช้งาน ChatGPT ซึ่งมีมากกว่า 700 ล้านรายต่อสัปดาห์สามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างทั่วถึงแล้ว โดย GPT5 นั้นมาพร้อมกับหลากฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การสร้างเสียง, รูปภาพ, และสื่อในรูปแบบงานเขียน (Text) ซึ่งคล้ายกับรุ่นก่อน, ฟีเจอร์ในการค้นหาภัตตาคารและร้านค้าออนไลน์, ฟีเจอร์ในการเข้าช่วยจัดการอีเมลบน Gmail และตารางงานบน Google Calendar (ถ้าได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้), และ ความสามารถในการเขียนโค้ดที่เก่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก เป็นต้น

นอกจากนั้นทาง OpenAI ยังได้กล่าวว่า GPT รุ่นใหม่นี้นั้นจะมีการให้คำตอบที่มีข้อผิดพลาดในเชิงข้อเท็จจริง (Factual Error) ที่น้อยลง รวมไปถึงแทนที่จะปฏิเสธคำสั่ง (Prompt) ที่ผิดกฎอย่างสิ้นเชิง ตัว AI จะให้คำแนะนำผู้ใช้งานในด้านการส่ง Prompt ที่ปลอดภัยและยอมรับได้แทน ไม่เพียงเท่านั้น AI รุ่นใหม่นี้ยังมีความสามารถในการตอบคำถามด้านสุขภาพที่ดีมากขึ้น และมีความ “ระมัดระวังตัว” ในการให้คำตอบในประเด็นด้านสุขภาพที่อ่อนไหวอย่างประเด็นด้านสุขภาพจิต หรือ ความเจ็บป่วยทางกายที่ร้ายแรง มากขึ้นอีกด้วย