ผลสำรวจ Kaspersky เผย ธุรกิจขนาดกลาง 24% เลือกใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อลดต้นทุน

ผลสำรวจแคสเปอร์สกี้เผย ธุรกิจขนาดกลาง 24% เลือกใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อลดต้นทุน

รายงานล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) เปิดเผยว่า บริษัทขนาดกลางที่มีพนักงาน 50 ถึง 999 คน จำนวนหนึ่งในสี่ หรือ 24% พร้อมที่จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านไอที สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก (มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน) มีจำนวนเพียง 8% เท่านั้นที่พร้อมที่จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าว วิธีนี้อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กร เนื่องจากผู้ไม่หวังดีจะกระจายไฟล์ที่เป็นอันตรายโดยปลอมแปลงตัวเป็นซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่ใช้งานได้ง่าย

จากข้อมูลของ Kaspersky Security Network (KSN) ในช่วงเวลาเพียง 8 เดือน (1 มกราคม - 30 สิงหาคม ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)) จำนวนผู้ใช้ทั้งหมดที่เจอมัลแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ที่ปลอมแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ยอดนิยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวน 9,685 รายการ โดยทั่วไปแล้ว ไฟล์ที่เป็นอันตรายหรือไฟล์ที่ไม่ได้ต้องการจำนวน 4,525  รายการ ถูกแพร่กระจายผ่านซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ SMB (รวมถึงละเมิดลิขสิทธิ์)

การศึกษาของแคสเปอร์สกี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจว่า กลยุทธ์การจัดการวิกฤติใดที่ผู้นำธุรกิจพบว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด และขั้นตอนบางอย่างอาจส่งผลกระทบอย่างจริงจังต่อความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ของบริษัท มาตรการความปลอดภัย เช่น การหาผู้รับเหมาที่มีต้นทุนต่ำ และมีการใช้ซอฟต์แวร์ทางเลือกฟรี เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยเพิ่มขึ้น 41% และ 32% ตามลำดับ แต่ผู้นำธุรกิจ 15% เลือกที่จะเปลี่ยนซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันละเมิดลิขสิทธิ์แทนเพื่อลดต้นทุน

สำหรับประเภทของโปรแกรมที่ผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าสามารถแทนที่ด้วยเวอร์ชันที่ถูกแฮคได้ ส่วนใหญ่เลือกซอฟต์แวร์การจัดการโครงการ ซอฟต์แวร์การตลาดและการขาย พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 41% ตกลงที่จะใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์

ซอฟต์แวร์ประเภทใดที่ผู้ถูกสำรวจ จะแทนที่ด้วยซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

นายอเล็กซานเดอร์ ชลิคคอฟ หัวหน้าทีมการตลาดแคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “การขาดทรัพยากรเป็นสถานการณ์ทั่วไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง แต่การใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือซอฟต์แวร์ที่ถูกแฮค ควรได้รับการยกเว้นหากองค์กรให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย ชื่อเสียง และรายได้ขององค์กร ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มักจะมาพร้อมกับโทรจันและไมเนอร์ (Miner = ซอฟต์แวร์ที่ลักลอบนำทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ไปขุดคริปโต ฯ) และไม่มีโปรแกรมแก้ไขหรือแพทช์อัปเดตที่ออกโดยนักพัฒนาเพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีโดยอาชญากรไซเบอร์ การใช้ซอฟต์แวร์ทางเลือกแบบฟรีอย่างเป็นทางการ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามากสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบด้านไอที”

เพื่อหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของข้อมูลและความสูญเสียทางการเงินที่อาจเกิดจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ติดมัลแวร์ ทางแคสเปอร์สกี้มีข้อแนะนำดังต่อไปนี้

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานใช้บัญชีมาตรฐานโดยไม่มีสิทธิ์ของแอดมินผู้ดูแลระบบ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ติดตั้งโทรจันโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้
   
• สามารถใช้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยแบบฟรีได้ ซึ่งมักจะมีฟังก์ชั่นน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ที่ต้องชำระเงิน แต่ก็ยังมีประโยชน์มาก เลือกโซลูชันตามผลการทดสอบอิสระ และดาวน์โหลดโดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้พัฒนา
   
• เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าไฟเพิ่มหากมีไมเนอร์ซุกซ่อนอยู่ พยายามตรวจสอบประสิทธิภาพอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง หากอุปกรณ์ทำงานช้าลง ร้อนเกินไป หรือส่งเสียงดังมากแม้ในขณะที่ไม่มีใครใช้งาน แสดงว่าอาจมีคนติดตั้งไมเนอร์บนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งทำให้โปรเซสเซอร์และการ์ดแสดงผลทำงานหนักเกินไป ให้เลือกใช้โซลูชันรักษาความปลอดภัยที่ไม่เพียงตรวจจับโปรแกรมที่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่สามารถตรวจจับการติดตั้งที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
   
• อัปเดตระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย เบราว์เซอร์ และโปรแกรมทั้งหมดที่ใช้งานทันทีที่มีการอัปเดตใหม่ออกมา
   
• สำรองไฟล์สำคัญเป็นประจำในบริการคลาวด์และฮาร์ดแวร์ เพื่อให้มีสำเนาไฟล์หากถูกแรนซัมแวร์ (Ransomware = มัลแวร์เรียกค่าไถ่) เข้ารหัสข้อมูล โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่มีฟีเจอร์การแก้ไขจะช่วยให้คุณสามารถย้อนกลับการกระทำที่ดำเนินการโดยมัลแวร์ในระบบปฏิบัติการ ช่วยป้องกันคริปโตล็อกเกอร์ (Crypto Locker) ได้อีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติม Ransomware คืออะไร ? มัลแวร์เรียกค่าไถ่ เกิดจากอะไร ? และ Ransomware มีกี่ประเภท ? ได้ที่ :

• https://tips.thaiware.com/1381.html