ความเสียหายจากมัลแวร์ นอกจากด้านข้อมูลแล้ว อีกด้านหนึ่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจนนั่นคือ ด้านการเงิน และจากงานวิจัยนี้อาจมีตัวเลขที่ทำให้หลายคนต้องกังวล
จากรายงานโดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Kaspersky ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสยอดนิยม ได้รายงานถึงสถิติที่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ประเภทขโมยข้อมูลทางการเงิน และเงินจากบัญชีธนาคาร (Banking Malware หรือ Banking Trojan) โดยอ้างอิงจากรายงานวิจัยชื่อว่า “The mobile malware threat landscape in 2024” ซึ่งเป็นรายงานสรุปผลความเคลื่อนไหวของมัลแวร์บนโทรศัพท์มือถือในภาพรวมของ ปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) โดยทาง Kaspersky ได้นำเสนอและแจกจ่ายรายงานวิจัยนี้ภายในงาน Mobile World Congress 2025 ณ กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ซึ่งรายงานฉบับนี้ก็มีข้อมูลหลายอย่างที่น่าสนใจและน่ากังวล อย่างเช่น การเพิ่มมากขึ้นของ Banking Trojan ที่ในปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) มีการตรวจพบว่ามีเครื่องตกเป็นเหยื่อมัลแวร์ดังกล่าวอยู่ประมาณ 420,000 เครื่อง ซึ่งก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากแล้ว แต่ในปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) จำนวนกลับพุ่งสูงถึง 1,242,000 เครื่อง เรียกว่ามีปริมาณที่สูงขึ้นถึงเท่าตัวกว่าเลยทีเดียว
โดยมัลแวร์ประเภทดังกล่าวนั้นจะใช้วิธีการแพร่กระจายด้วยลิงก์หลอกลวง หรือไฟล์แนบผ่านสื่อ เช่น SMS (Short Message Service) หรือ แอปพลิเคชันสำหรับส่งข้อความ (Message App) ต่าง ๆ ซึ่งถ้าเครื่องติดมัลแวร์ดังกล่าวแล้ว นอกจากจะสามารถขโมยเงินหรือข้อมูลทางการเงินได้แล้ว ตัวมัลแวร์ยังจะสามารถเข้าถึงสมุดบันทึกเบอร์ติดต่อ (Contact) บนเครื่องของเหยื่อ เพื่อใช้ในการส่งข้อความหลอกลวงไปยังบุคคลใกล้ชิดด้วยการอ้างตนเป็นตัวเหยื่อ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับบุคคลที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อรายถัดไปอีกด้วย ทำให้ทาง Kaspersky เตือนว่า ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันจะต้องมีความรู้เท่าทันด้วยความปลอดภัยไซเบอร์ให้มากขึ้นตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนชรา ซึ่งจากการตรวจสอบของทางทีมวิจัยพบว่า ในปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) กลุ่มแอปพลิเคชันแฝงมัลแวร์ดังกล่าวที่ถูกเรียกว่า Fakemoney ซึ่งเป็นกลุ่มแอปพลิเคชันหลอกลงทุนเพื่อได้รับผลตอบแทนมูลค่าสูงกว่า จัดเป็นกลุ่มที่ก่ออันตรายเชิงการเงินมากที่สุด
ทว่า ยังมีข่าวร้ายมากกว่านั้น นั่นคือ แม้ Banking Trojan จะมีจำนวนการแพร่ระบาดที่หนักมาก แต่เมื่อเทียบในภาพรวมของมัลแวร์บนสมาร์ทโฟนทั้งหมดแล้ว จะนับเป็นเพียงแค่ 6% ซึ่งเป็นลำดับ 4 จากทุกประเภทเท่านั้น โดยมัลแวร์ที่ระบาดบนโทรศัพท์มือถือที่หนักที่สุดนั้นจะเป็นมัลแวร์ประเภท AdWare ที่สูงถึง 57% ตามมาด้วย Trojan แบบทั่วไป ที่ 25% และ RiskTools ที่ 12% นั่นหมายความว่า ถึงแม้ผู้ใช้งานอาจจะไม่ตกเป็นเหยื่อ Banking Malware แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะติดมัลแวร์ตัวอื่นได้แทน โดยในช่วงปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) ที่ผ่านมานั้นทางทีมวิจัยได้พบว่าซอฟต์แวร์ป้องกันของทาง Kaspersky ได้ทำการขัดขวางการโจมตีของมัลแวร์ได้มากถึง 33.3 ล้านครั้ง
สำหรับวิธีการป้องกันตัวเองจาก Banking Projan นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่หลีกเลี่ยงการกดเข้าลิงก์ หรือไฟล์แปลกปลอมผิดสังเกต แต่การติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ นั้นทางทีมวิจัยแนะนำให้ทำผ่านแอปสโตร์อย่างเป็นทางการเสมอ ถึงแม้แอปสโตร์ทั้ง Google Play และ Apple App Store ที่ถึงแม้จะไม่ได้ปลอดภัย 100% แต่ก็ยังนับว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการดาวน์โหลดจากที่อื่น นอกจากนั้นทางทีมวิจัยยังแนะนำให้มีการให้สิทธิ์ในการเข้าถึงระบบ (Permission) กับแอปต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงโหมดสำหรับช่วยเหลือผู้พิการ (Accessibility Mode) เนื่องจากมัลแวร์จะสามารถใช้โหมดนี้เข้าควบคุมเครื่องได้ รวมทั้งการอัปเดตตัวระบบปฏิบัติการก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมออีกด้วย เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
|