มัลแวร์ที่เรียกได้ว่าระบาดหนักที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา คงจะหนีไม่พ้นมัลแวร์ประเภทเพื่อการขโมยข้อมูล หรือ Infostealer โดยข้อมูลส่วนมากที่ถูกขโมยไปมักจะเป็นพวกรหัสผ่าน แต่ก็ยังมีข้อมูลประเภทหนึ่งที่ขโมยไปแล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับเหยื่อได้อย่างชัดเจน นั่นคือ บัตรธนาคาร เช่น บัตรเครดิต เป็นต้น
จากรายงานโดยทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Kaspersky ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสยอดนิยม ได้กล่าวถึงแนวโน้มของการโจมตีของมัลแวร์ Infostealer ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของทีม Kaspersky Digital Footprint Intelligence โดยผลวิจัยจากการตรวจสอบไฟล์บันทึกกิจกรรม (Log Files) ของมัลแวร์ต่าง ๆ ในประเภทดังกล่าวพบว่า ในช่วงเวลาที่ทำการวิจัยนั้น มีเครื่องที่ติดมัลแวร์ Infostealer อยู่ถึง 26 ล้านเครื่องทั่วโลก ตลอดปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) - ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) โดยนับเพียงช่วงปีหลังก็มีเครื่องที่ติดมัลแวร์ดังกล่าวตลอดปีไปแล้วถึง 9 ล้านเครื่องด้วยกัน
ภาพจาก : https://www.kaspersky.com/about/press-releases/kaspersky-stealer-malware-leaked-over-2-million-bank-cards
นอกจากนั้น ยังพบสถิติที่น่าตกใจคือ การที่มีข้อมูลของบัตรเครดิตถูกขโมยผ่านการใช้มัลแวร์ดังกล่าวมากถึง 2,900,000 ใบ โดยตีเฉลี่ยจากทางทีมวิจัยแล้วจะพบว่า ทุก 14 เครื่อง ที่ติดมัลแวร์ประเภทนี้จะถูกขโมยบัตรเครดิต 1 ชุดเป็นอย่างน้อย อีกทั้งเลขบัตรเครดิตกว่า 95% ที่ทางทีมวิจัยตรวจพบนั้น พบว่าเป็นหมายเลขที่ถูกต้อง สามารถใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานบัตรเครดิตหลายราย และการที่ถูกใช้บัตรอย่างไม่รู้ตัวก็อาจมาจากสาเหตุนี้
ทางทีมวิจัยยังย้ำอีกว่า ตัวเลขจากงานวิจัยนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ทางทีมสามารถตรวจสอบได้เท่านั้น ตัวเลขที่แท้จริงนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะสูงกว่านี้มาก อีกทั้งศักยภาพของมัลแวร์ประเภทดังกล่าวยังไม่ใช่เพียงแค่การขโมยเลขหมายบัตรเครดิต และข้อมูลทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง ชุดรหัสผ่าน, ไฟล์ Cookies, ข้อมูลบนเว็บเบราว์เซอร์ อีกด้วย ซึ่งแหล่งที่มามักมาจากแคมเปญการโจมตีแบบ Phishing ที่หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์แฝงมัลแวร์, เข้าลิงก์ปลอม ตลอดจนถึงซอฟต์แวร์โกงเกมต่าง ๆ หรือแม้แต่การเข้าเว็บไซต์ที่โดนแฮ็กอย่างไม่ตั้งใจ
ตัวงานวิจัยยังได้ระบุถึงข้อมูลที่มีความน่าสนใจ อย่างสายพันธุ์ของมัลแวร์ประเภท Infostealer ที่กำลังระบาดอย่างหนักนั้น ทาง Kaspersky ได้ระบุว่า Redline เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหนักที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยครอบส่วนแบ่งไปมากกว่า 34% ของมัลแวร์ทั้งหมด ตามมาด้วย Risepro ที่ 23% และ StealC ที่ 13%
สำหรับด้านการป้องกันนั้น ทางทีมวิจัยยังได้แนะนำให้ผู้อ่านทำการตรวจสอบธุรกรรมของบัตรเครดิตให้ดีว่ามีการใช้จ่ายแปลกปลอมหรือไม่ ถ้าพบให้ติดต่อกับทางธนาคาร หรือผู้ออกบัตรเพื่อแก้ปัญหาในทันที รวมทั้งเปลี่ยนรหัสผ่าน และทำการสแกนเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ตรวจพบมัลแวร์ และทำการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
|