เครื่องมือยอดฮิตสำหรับเหล่าทีมเทคนิคที่ต้องทำงานระยะไกลคงจะหนีไม่พ้น Windows Remote Desktop ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกทีมสามารถเข้ามาแก้ปัญหาต่าง ๆ บนเครื่องไม่ว่าจะจากมุมไหนของโลกก็ได้ แต่จุดนี้ก็มีช่องโหว่หลายช่องให้แฮกเกอร์ใช้งานเช่นเดียวกัน
จากรายงานโดยเว็บไซต์ Cyber Security News ได้รายงานถึงการตรวจพบช่องโหว่ของบริการ Windows Remote Desktop โดยมาจากไมโครซอฟท์เอง ซึ่งช่องโหว่นี้มีชื่อว่า CVE-2024-49115 มีความร้ายแรงที่ค่อนข้างสูงมากจนได้รับคะแนน CVSS ถึง 8.1 เลยทีเดียว
ข้อมูลในเชิงเทคนิคนั้น แหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยมากนัก แต่มีการเปิดเผยว่าช่องโหว่ดังกล่าวที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้เทคนิคยิงโค้ดจากระยะไกล (Remote Code Execution) ได้นั้น มาจากจุดอ่อนที่แฝงอยู่ในระบบถึง 2 ตัว นั้นคือ
โดยหลังจากที่จุดอ่อนดังกล่าวเกิดขึ้น แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วยการใช้ Remote Desktop Gateway ต่อสายเข้ามายังเครื่อง ซึ่งหลังจากที่ต่อเข้ามาได้สำเร็จ ผลลัพธ์จะนำไปสู่การเกิด Race Condition (ภาวะการทำงานซ้ำ) จนเปิดช่องโหว่ Use-After-Free บนหน่วยความจำ ทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลบนหน่วยความจำดังกล่าวได้ทันที และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ การใช้งานช่องโหว่นี้สามารถทำได้โดยที่แฮกเกอร์ไม่จำเป็นจะต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบ และเหยื่อไม่จำเป็นจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย (เรียกได้ว่าเหนือกว่าการใช้มัลแวร์ที่ต้องหลอกให้เหยื่อติดตั้งก่อน)
แต่ข่าวดีก็คือ การใช้งานช่องโหว่นั้น ถึงแม้ตามคำอธิบายข้างบนจะดูง่าย แต่ในทางปฏิบัติค่อนข้างซับซ้อนระดับต้องใช้ความชำนาญพิเศษเพื่อใช้ช่องโหว่ดังกล่าว และช่องโหว่ดังกล่าวนั้นทางไมโครซอฟท์ก็ได้ทำการออกอัปเดตในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพื่ออุดช่องโหว่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่ใช้งาน Windows รุ่นดังต่อไปนี้ ขอให้ทำการตรวจสอบว่าเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือยัง ถ้ายัง ขอให้ทำการอัปเดตโดยด่วน
|