การที่เทคโนโลยีในยุคนี้ ง่าย และเข้าถึงไวกว่ายุคก่อน ทำให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ทั้งตัวแอปพลิเคชัน, โซเชียลมีเดีย ไปจนถึงเทคโนโลยี AI ที่ทั้งส่งผลบวก และลบต่อเยาวชน นำมาซึ่งความกังวลใจของผู้ใหญ่ และผู้ปกครองของเยาวชนทั้งหลาย จนทำให้เจ้าของแพลตฟอร์มต้องออกมาเคลื่อนไหว สร้างเครื่องมือในการควบคุมการใช้งานสำหรับเยาวชน ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในระดับกฎหมายแบบโซเชียลมีเดีย
จากรายงานโดยเว็บไซต์ของสำนักข่าว Euro News ได้กล่าวถึงการที่ทาง OpenAI บริษัทผู้พัฒนาเครื่องมือ AI สำหรับการสร้างสื่อ หรือ Generative-AI ยอดนิยมอย่าง ChatGPT ได้ทำการออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับ ChatGPT เพื่อให้ผู้ปกครองใช้การควบคุม กำกับ สอดส่องดูแลการใช้งานของบุตรหลานได้ หลังจากที่ทางบริษัทต้องตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ จากการที่มีวัยรุ่นตัดสินใจฆ่าตัวตายหลังจากที่ทำการปรึกษาปัญหาชีวิตกับตัว AI นำมาสู่การออกเครื่องมือในการควบคุมดังกล่าวเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเยาวชน รวมทั้งเสริมสร้างการใช้งานให้มีความเหมาะสมต่ออายุผู้ใช้งาน (Age-Appropriated) มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยไป
ซึ่งจากการโพสต์ในบล็อกอย่างเป็นทางการของทาง OpenAI ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Parental Control (เครื่องมือการจัดการสำหรับผู้ปกครอง) ซึ่งตัวเครื่องมือนี้จะอยู่ภายในส่วนของการตั้งค่า หรือ Setting ของบัญชีผู้ใช้งาน ChatGPT โดยผู้ปกครองที่จะใช้งานนั้นจะต้องใช้เครื่องมือนี้ส่งอีเมลเชิญ (Invite Email) ไปยังบุตรหลาน เพื่อทำการเชื่อมต่อบัญชี หรือ ในทางกลับกัน เยาวชนที่ใช้งานอยู่อาจเป็นฝ่ายกดส่งเพื่อเพิ่มผู้ปกครองเข้ามาก็ได้
หลังจากเพิ่มบัญชีเข้ามาแล้ว บัญชีของเยาวชน (Teen Account) จะถูกเพิ่มฟิลเตอร์เพื่อควบคุมคอนเทนต์ ซึ่งตัวฟิลเตอร์จะครอบคลุมการควบคุมคอนเทนต์ประเภทที่ไม่เหมาะสมกับวัยต่าง ๆ เช่น คอนเทนต์ด้านความรุนแรง, เรื่องเพศ, การท้าทายเพื่อสร้างผลงานให้ถูกกระจายแบบไวรัล (Viral) และไอเดียด้านความงามแบบสุดขั้ว ซึ่งล้วนอันตรายสำหรับผู้ที่ขาดวุฒิภาวะที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซึ่งฟิลเตอร์นี้ผู้ปกครองจะสามารถปิดการใช้งานได้ตามสมควร และบัญชีที่เยาวชนใช้จะไม่สามารถปิดการใช้งานได้
นอกจากในส่วนของการปรับแต่งฟิลเตอร์แล้ว ผู้ปกครองยังมีอำนาจในการควบคุมการใช้งานของบุตรหลานมากไปกว่านั้น เช่น การปรับแต่งในส่วนของการจำกัดเวลาการใช้งานของบุตรหลาน ด้วยการกำหนด Quiet Mode ซึ่งบุตรหลานที่แอบมาใช้งานบัญชีในเวลาที่กำหนดไว้จะไม่สามารถโต้ตอบกับ ChatGPT ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ปกครองยังสามารถปรับแต่งในส่วนต่าง ๆ ได้ ดังนี้
ระบบการควบคุมของผู้ปกครองยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แน่นหนามากขึ้นไปอีก ด้วยระบบการแจ้งเตือน เมื่อตัว AI พบว่าบุตรหลานกำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดสูง (Distress) ที่อาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตายได้ เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเข้าแทรกแซงสถานการณ์ได้ทัน ซึ่งการแจ้งเตือนนั้นจะเป็นการส่งข้อความผ่านทางอีเมล, โทรศัพท์ หรือส่งแจ้งเตือนบนหน้าจอ (Push Notification) ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ถึงผู้ปกครองจะมีสิทธิ์ในการควบคุมการใช้งานอย่างมาก แต่ทาง OpenAI เองก็มองเห็นถึงความสำคัญของการใช้งานอย่างเป็นส่วนตัว (Privacy) ของเยาวชน ดังนั้นระบบนี้จะทำการส่งข้อมูลส่วนตัวของบุตรหลาน เยาวชน ให้กับผู้ปกครองตามเท่านี้จำเป็นเท่านั้น เพื่อรับประกันความปลอดภัย และควบคุมการใช้งานให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยที่ไม่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของเยาวชนมากเกินไป
ทาง OpenAI ยังกล่าวอีกว่า ถึงแม้ระบบควบคุมจะถูกสร้างมาอย่างดีเพื่อให้ผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม และปลอดภัย แต่ทุกระบบก็ไม่มีความสมบูรณ์แบบเต็ม 100 ดังนั้น อาจเกิดเหตุการณ์ผู้ใช้งานสามารถหลบเลี่ยงการควบคุม (Bypass) หรือตัวระบบอาจมีการทำงานอย่างผิดพลาด เช่น ส่งแจ้งเตือนให้กับผู้ปกครองทั้งที่ไม่มีประเด็นอันตรายที่แท้จริงเกิดขึ้น แต่ทางบริษัทก็ยังคิดว่า เป็นการที่ดีกว่าที่ผู้ปกครองจะได้รับรู้แทนที่ระบบจะเงียบ และไม่แจ้งเตือน ในช่วงเวลาที่ควรจะแจ้งเตือน นอกจากนั้นทางบริษัทยังได้กำชับว่า นอกจากการใช้งานเครื่องมือดังกล่าวแล้ว ผู้ปกครองควรสละเวลาเพื่อพูดคุยกับบุตรหลานเพื่อสอนสั่งในด้านการใช้งาน AI อย่างเหมาะสม และดีต่อสุขภาพ (Healthy AI Use) อีกด้วย
|