Meta สั่งยกเลิกโครงการพัฒนาแว่น AR ระดับเรือธง หลังเห็นยอดขายของ Apple Vision Pro

จากรายงานล่าสุด Meta ได้ตัดสินใจประกาศยกเลิกแผนการพัฒนาชุดหูฟังเสมือนจริง (AR Headset) ระดับสูงที่เคยตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด AR หลังจากที่ได้ทำการประเมินสถานการณ์ และพบว่าตลาด AR ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเห็นการเปิดตัวของ Apple Vision Pro ที่ไม่สามารถสร้างกระแสความนิยมตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้

ในรายงานของ The Information ได้กล่าวว่า Meta แจ้งให้ทีมหยุดพัฒนา Quest Pro 2 หรือที่รู้จักกันในรหัส La Jolla ซึ่งเดิมที มีแผนจะวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2027 (พ.ศ.2570) โดยได้ระบุไว้ว่า Meta ยกเลิกชุดหูฟังดังกล่าวเนื่องมาจากการใช้จอแสดงผล MicroOLED ซึ่งเป็นจอแสดงผลชนิดเดียวกับที่ใช้ใน Vision Pro ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีราคาที่สูงเกินไป

ทางเว็บไซต์ Hackaday ได้เสนอบทความวิเคราะห์ว่าตลาด AR และ VR ในปัจจุบันยังคงเผชิญกับความท้าทายอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์, การตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และความพร้อมของเทคโนโลยี แม้ว่าเทคโนโลยี AR จะมีศักยภาพแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้ยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่พอสมควร

แม้ว่า Meta จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับชุดหูฟัง Quest Pro ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ด้วยราคาที่ $1,500 (ประมาณ 52,000 บาท) แต่แผนการพัฒนาชุดหูฟัง La Jolla ที่จะมาชนกับ Vision Pro ของ Apple กลับไม่เป็นไปตามคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Vision Pro เปิดตัวในสหรัฐฯ ด้วยราคาที่สูงถึง $3,500 (ประมาณ 120,000 บาท) ทำให้ Meta มองว่าผลิตออกมาก็น่าจะขายได้ยากมาก ต่อให้ตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งแล้วก็ตาม

ภาพจาก : https://www.roadtovr.com/apple-vision-pro-preview/

นอกจากนี้ Meta ยังเผชิญกับปัญหาหลายประการในแผนก Reality Labs เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta ยืนยันว่าการพัฒนาเวอร์ชัน VR ของเกม Grand Theft Auto: San Andreas ถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ยังมีการปรับโครงสร้างองค์กรในเดือนมิถุนายน โดยแผนก Reality Labs ถูกแบ่งออกเป็นสองหน่วยงาน หนึ่งที่เน้นการพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ และอีกหนึ่งที่เน้นการพัฒนา Metaverse

การยกเลิกโครงการชุดหูฟัง AR ของ Meta สะท้อนถึงความท้าทายที่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ กำลังเผชิญอยู่ แม้ตลาด AR และ VR จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องการการพัฒนา และการยอมรับจากผู้ใช้มากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่ยังต้องแข่งขันในตลาดที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่มากนัก