ผลงานเเอคชั่นไซไฟเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ “รูเพิร์ต ไวแอต” จาก Rise of the Planet of the Apes ในรูปโฉมหนังเอเลียนบุกโลก “CAPTIVE STATE สงครามปฏิวัติทวงโลก” ที่บอกเล่าเกมปฎิวัติของมนุษย์โลกในนามกลุ่ม “เดอะ ฟีนิกซ์” หลังตกเป็นเบี้ยล่างของกองทัพเอเลียนที่มาปกครองโลกนานถึง 10 ปีเต็ม ตัวหนังยังโดดเด่นด้วยกองทัพเอเลียนที่เปี่ยมด้วยดีไซน์สุดล้ำ ตั้งเเต่ศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ขนาดมหึมา เอเลียนเเมลงเกราะเหล็กที่ใช้สอดเเนมมนุษย์โลก เอเลียนปีศาจที่ห่อหุ้มด้วยหนามเหล็ก และเอเลียนปรสิตที่เเทรกซึมทุกสรรพสิ่ง ก่อนเตรียมพบกับสงครามทวงโลกใน CAPTIVE STATE มาอุ่นเครื่องความมันด้วย 9 หนังเอเลียนบุกโลกชั้นดี ตั้งเเต่อดีตถึงปัจจุบัน
1.Invasion of the Body Snatchers (1978)
งานคลาสสิกจากยุค 70s สร้างจากนิยายสุดล้ำของ Jack Finney กลุ่มเอเลียนเจลาตินที่เดินทางมาจากนอกโลก มีรูปลักษณ์คล้ายใยนุ่น เติบโตเป็นดอกไม้ปีศาจที่แปรเปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นพวกไร้ความรู้สึก หนังแสดงจุดเริ่มตั้งแต่กลุ่มเอเลียนเดินทางมายังโลก ค่อยๆแสดงถึงภัยคุกคาม การแพร่เชื้อและฝักไข่ในร่างมนุษย์ เพื่อสร้างกองทัพมนุษย์โคลนไร้ความรู้สึก โดยมีตัวเอกที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามหาหนทางหยุดเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น
2. The Thing (1982)
ผลงานของปรมาจารย์หนังสยองขวัญ 'จอห์น คาร์เพนเตอร์' การนำเสนอหนังเอเลียนที่เล่าเรื่องในสไตล์หนังสืบสวน ตลอดจนการดีไซน์เอเลียนที่สามารถกลืนกินร่างและลอกเลียนตัวตนของสิ่งมีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นความสดใหม่ที่ถูกบอกต่อผ่านยุคสมัย กับเหตุการณ์เขย่าขวัญของทีมวิจัยในแถบแอนตาร์กติกที่ถูกสิ่งมีชีวิตต่างดาวกลืนกินร่าง
3. Predator (1987)
การหลอมรวมของเเอคชั่นสุดระห่ำอย่าง Rambo กับสิ่งมีชีวิตต่างดาวสุดสยองอย่าง Alien กลายเป็นความลงตัวที่สดใหม่เหนือกาลเวลา โดยเล่าผ่านตัวเอกที่รับบทโดย 'อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์' นายทหารที่เข้าไปช่วยเหลือผู้คนจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ก่อนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่สามารถล่องหนและซุ่มโจมตีเหยื่อด้วยอาวุธล้ำสมัย กลายเป็นสถานการณ์ที่ยากและคนดูต้องลุ้นเอาใจช่วยว่ากลุ่มทหารจะมีวิธีรับมือกับพวกมันยังไง
4. Independence Day (1996)
หนังเอเลียนบุกโลกที่ใครหลายคนต่างยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในใจ ด้วยความโดดเด่นที่ไม่ได้มีดีแค่แอคชั่น-ระทึกขวัญแบบพล็อตหนังวันสิ้นโลกที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในยุค 90s หรือจะเป็นการเซ็ทภัยคุกคามจากเหล่าเอเลียนที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องหลังการบุกเบิกของ Alien ฉบับ 'ริดลีย์ สก็อตต์' ทว่าจุดสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามเป็นการเล่นประเด็นการเมือง อุดมการณ์รักชาติที่สร้างมิติของตัวบทได้อย่างดีเยี่ยม
5. War of the Worlds (2005)
เอกลักษณ์ในแบบฉบับของ 'สตีเว่น สปีลเบิร์ก' ที่มีความเป็นหนังครอบครัวเเละเเฟนตาซีด้วยสัตว์ประหลาดในจินตนาการ โดยมาในพล็อตหนังเอเลียนบุกโลก ที่โฟกัสไปยังผู้เป็นพ่อที่ต้องพาเหล่าลูกๆหลบหนีเเละซุกซ่อนจากกองทัพเอเลียนที่หมายจะเข้ามายึดครองโลก ตัวหนังนอกจากอัดเเน่นด้วยความสนุก ลุ้นระทึกเเบบหนังเอเลียนทั่วไป เนื้อหายังมีมิติด้วยการสะท้อนสัญชาติญาณดิบและบทสรุปของภัยคุกคามที่สร้างความตระหนกต่อมนุษย์โลกได้เป็นอย่างดี
6. District 9 (2009)
ภาพลักษณ์ของเอเลียนที่พบเห็นในหนังมักเป็นสัตว์ประหลาดที่มาพร้อมคุกคามต่อมนุษย์โลก เเต่เรื่องนี้ต่างออกไป พวกมันดูไม่มีพิษภัย ถูกมองเป็นชนกลุ่มน้อย ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของมนุษย์โดยดี ทว่าความไม่เข้าใจของมนุษย์ต่อ เจตนารมณ์ของพงกมันก็นำมาซึ่งความกลัว หวาดระแวง ต่อภัยอันตรายที่อาจตามมาในอนาคต ความขัดเเย้งค่อยๆก่อตัวเป็นสงครามที่จะเป็นไฮไลท์สำคัญของหนัง
7. Edge of Tomorrow (2014)
ผลงานจากมังงะญี่ปุ่นเพียงไม่กี่เรื่องที่ประสบความสำเร็จในการนำมาสร้างเป็นหนังฮอลลีวู้ด กับหนังเอเลียนสุดเเหวกที่ผสมไอเดียของลูปเวลา โดยเล่าผ่านตัวเอกที่เป็นนายทหารต้องเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยเหล่าเอเลียนนอกโลก ความน่าสนใจของหนังคือการเฝ้ามองตัวเอกที่ตื่นขึ้นมาและตายในสนามรบครั้งแล้วครั้งเล่า ควบคู่กับพัฒนาการด้านการรบและสติปัญญาไหวพริบที่เฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ
8. Arrival (2016)
เเม้ไม่ใช่หนังเอเลียนบุกโลกที่ขายเเอคชั่น ฉากสงครามสุดระทึก เเต่บรรยากาศของความเคลือบแคลงของการค้นหาคำตอบถึงจุดมุ่งหมายของเหล่าผู้มาเยือนที่เดิมพันด้วยการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ก็กลายเป็นไม้เด็ดที่ตรึงคนดูให้โฟกัสกับหนังตั้งเเต่ต้นจนจบ โดยเดินเรื่องผ่านตัวเอกสาวนักภาษาศาสตร์ที่รับบทโดย 'เอมี่ อดัมส์' ที่ต้องร่วมมือกับกองทัพในการไขปริศนาผู้มาเยือน
9. Annihilation (2018)
อาณาบริเวณสีรุ้งที่ถูกสร้างโดยสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เต็มไปด้วยปริศนาซ่อนเร้น กลายเป็นจุดโฟกัสที่นักชีววิทยาสาวต้องการค้นหาคำตอบ หลังแฟนหนุ่มได้รอดชีวิตจากดินแดนแห่งนี้และเกิดล้มป่วยด้วยอาการแปลกประหลาด ซึ่งหนังจะใช้การเล่าแบบตัดสลับ 3 ช่วงเวลาเพื่อไขความจริง หนึ่งคือหลังนักชีววิทยาได้ออกมาจากดินแดนแห่งนี้ สองคือสะท้อนภาพความสัมพันธ์ของนักชีววิทยากับแฟนหนุ่ม และสามคือเหตุการณ์ปัจจุบันที่นักชีววิทยาต้องเผชิญภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในดินแดนแห่งนี้
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |