ทางบริษัท Google ได้ประกาศกฎใหม่ในการใช้งานระบบปฏิบัติการ Android ว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน Android 12 เป็นต้นไปจะต้องมีหน้า “Safety & Emergency” หรือหน้าการช่วยเหลือผู้ใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุขึ้นมาให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ภายในหน้า Safety & Emergency นี้ก็จะมีเมนูเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้ (Medical Info), รายชื่อผู้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน (Emergency Contacts), การขอความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน (Emergency SOS), การตรวจจับอุบัติเหตุรถชน (Car Crash Detection), การแจ้งเตือนเหตุร้าย (Crisis Alerts), บริการเข้าถึงตำแหน่งกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน (Emergency Location Service), การแจ้งเตือนแผ่นดินไหว (Earthquake Alerts) และบริการ Wireless Emergency Alerts
According to GMS requirements, all Android 12 devices must have a top-level "Safety & emergency" page with the following items in the submenu: medical information, emergency contacts, emergency SOS, emergency location service, earthquake alerts, and wireless emergency alerts. pic.twitter.com/tMyGVPRUsQ
— Mishaal Rahman (@MishaalRahman) December 28, 2021
เบื้องต้นผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้งาน Emergency SOS ได้ด้วยการกดที่ปุ่มเปิด - ปิดเครื่อง 5 ครั้ง และระบบก็จะทำงานต่อสายไปหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินหลังจากเรียกใช้งานราว 5 วินาที หรือหากใครดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Personal Safety ของทาง Google ติดเครื่องเอาไว้ก็สามารถบันทึกวิดีโอขณะเกิดเหตุฉุกเฉินแบบอัตโนมัติได้สูงสุดถึง 45 นาที
โดยสมาร์ทโฟน Android ทุกรุ่นที่ใช้งาน Android 12 ขึ้นไปและมีการเชื่อมต่อกับบริการ Google Mobile Service (GMS) และ Google Play Services นั้นจะต้องมีฟีเจอร์ Safety & Emergency ติดมาควบคู่กันตามกฎใหม่ของ Google แต่หน้าภายในอาจมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเทศที่ผู้ใช้งานอาศัยอยู่
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |