จบไปแล้วกับ Spring Loaded หรืองาน Apple Event ครั้งแรกในปีนี้ที่หลาย ๆ คนรอคอยกัน และแน่นอนว่างานในครั้งนี้ก็ยังเป็นงานในรูปแบบออนไลน์เหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานนี้ก็เรียกได้ว่าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้อย่างครบครันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
เปิดมาด้วย Apple Card Family Plan หรือบัตร Apple ที่ให้สมาชิกในครอบครัวสามารถใช้จ่ายร่วมกันได้ หมดกังวลปัญหาลูกแอบหยิบยืมบัตรพ่อแม่ไปใช้จ่ายโดยไม่บอกได้แล้ว เพราะบัตรนี้จะสามารถจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายของสมาชิกในบ้านแต่ละคนได้ และสามารถเพิ่ม Account ที่ใช้จ่าย Apple Card ได้สูงสุดถึง 5 แอคเคาท์ด้วยกัน (ผู้ที่มีสิทธิใช้งาน Apple Card ได้จะต้องมีอายุมากกว่า 13 ขึ้นไปเท่านั้น)
ถัดจากบัตรเครดิตทาง Apple ก็ระบุว่าจะเพิ่มการอัปเดต Apple Podcast ใหม่บน iOS 14.5 ทั้งการฟังแบบออฟไลน์และปุ่ม Smart Play ที่ช่วยให้การฟัง Podcast สะดวกกว่าที่เคย และในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ก็จะเปิดบริการใหม่อย่าง Apple Podcasts Subscriptions ที่ผู้จัด Podcast ต่าง ๆ จะสามารถเปิดช่องของตนเองขึ้นมาและเรียกเก็บค่าสมัครชิกได้ตามต้องการ
ภาพจาก : https://gizmodo.com/heres-everything-apple-announced-during-todays-big-spri-1846725737
แม้ว่าจะเปิดตัว iPhone 12 ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้วพร้อมสีสันให้เลือกใช้กันถึง 5 สี ทั้งสีขาว, ดำ, แดง, เขียว และน้ำเงิน แต่ก็ดูเหมือนว่าทาง Apple จะยังไม่พอใจเพียงเท่านี้ เพราะภายในงาน Apple Event ครั้งนี้ก็ได้เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini ในเฉดสีใหม่อย่าง “สีม่วง” ที่เรียกได้ว่าสีสันสะดุดตาเอามาก ๆ จนทำเอาหลายคนเสียดายที่ซื้อไปก่อนหน้านี้เลยทีเดียว
สำหรับใครที่สนใจก็รอจับจองกันผ่านเว็บไซต์ของ Apple (https://www.apple.com/th/shop/buy-iphone/iphone-12) ได้ในวันที่ 23 เมษายนนี้ ก่อนจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เมษายน
มาถึงคิวของ AirTag หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนขี้ลืมกันบ้าง โดย AirTag ของ Apple นี้ไม่เพียงแต่จะสามารถส่งสัญญาณหาอุปกรณ์ที่ติด AirTag ในระยะสัญญาณ Bluetooth ได้เท่านั้น เพราะด้วยชิป U1 ภายในตัวเครื่องก็ช่วยอัปเกรดความสามารถในการส่งสัญญาณการค้นหาไปได้อย่างครอบคลุมด้วย Precision Finding ที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Find My บน iPhone 11 ขึ้นไปได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเมื่อผู้ใช้เปิดแอปพลเคชัน Find My ขึ้นมาและทำการค้นหาอุปกรณ์ที่ติด AirTag เอาไว้ก็จะสามารถกดให้ส่งเสียงหรือนำทางไปยังสิ่งของนั้น ๆ ได้ ในส่วนของราคาก็อยู่ที่ 990 บาทต่อชิ้น หรือชุด 4 ชิ้นที่ราคา 3,390 บาท และจะเปิดให้จับจองกับผ่านเว็บไซต์ (https://www.apple.com/th/shop/buy-airtag/airtag) พร้อมกับ iPhone 12
ส่วน Apple TV เองก็ไม่น้อยหน้าด้วยความคมชัดสูงสุดที่ระดับ 4K HDR พร้อม A12 Bionic Chip ที่จะช่วยยกระดับการดูทีวีของผู้ใช้ไปอีกขั้นหนึ่ง และกล่อง Apple TV 4K นี้ยังมาพร้อมกับรีโมทที่ใช้งานง่ายกว่าเดิมและรองรับการใช้งาน Siri ได้อย่างลื่นไหล
ภาพจาก : https://www.wired.com/story/everything-apple-announced-april-2021/
ก่อนหน้านี้ทาง Apple เคยได้ออกมาเผยว่าจะทำการ ปรับเปลี่ยน iMac “ครั้งใหญ๋” ในรุ่นถัดไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อดูจาก iMac ที่เปิดตัวในงานนี้แล้วก็ถือว่าทาง Apple ค่อนข้างรักษาคำพูดอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจาก iMac รุ่นใหม่นี้จะเปลี่ยนมาใช้งานชิปเซ็ต M1 แล้ว มันก็ยังมาพร้อมสีใหม่ให้เลือกใช้งานกันถึง 7 เฉด ด้วยกัน ทั้งสีเงินสุดคลาสสิก, เขียว, เหลือง, ส้ม, ชมพู, ม่วง และฟ้า (พอวางเรียงกันแบบนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึง iMac G4 ไม่น้อยเลยทีเดียว)
และนอกจากจะมีสีสันใหม่ให้เลือกใช้งานกันเท่านั้น ในส่วนของดีไซน์เองก็ปรับให้จอบางลงเหลือเพียงแค่ 11.5 มิลลิเมตร เท่านั้น ส่วนความละเอียดก็อัปเกรดเพิ่มเป็น 4.5K พร้อมจอ Retina Display (True Tone) แต่ความกว้างจอของทั้ง 3 รุ่นจะอยู่ที่ 24 นิ้วเท่ากัน ต่างกันที่ SSD, GPU และพอร์ตเชื่อมต่อเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้น Apple ยังระบุอีกว่า iMac ตัวใหม่นี้จะมาพร้อมกับกล้องหน้า, ไมค์ และลำโพงที่ดีกว่าเดิมพร้อมระบบ TouchID ในส่วนของราคาก็ เริ่มต้นที่ 42,900 บาท (256 GB GPU 7-core 2 พอร์ต มีให้เลือกเพียง 4 สี ได้แก่ เงิน, ฟ้า, เขียว และแดง), 49,900 บาท (256GB GPU 8-core 4 พอร์ต) ไปจนถึง 56,900 บาท (512 GB, GPU 8-core 4 พอร์ต) สามารถจับจองได้ในวันที่ 30 เมษายนก่อนวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม (https://www.apple.com/th/shop/buy-mac/imac)
ปิดท้ายด้วย iPad Pro ที่สามารถสร้างเสียงฮือฮาให้กับหลาย ๆ คนด้วยสเปก (และราคา) ที่แรงแซง iMac ไปแล้ว เพราะในขณะที่ iMac ตัวท็อปความจุอยู่ที่ 512GB แต่ iPad Pro กลับมีความจุสูงสุดที่ 2TB เสียอย่างนั้น !?
โดย iPad Pro ตัวใหม่นี้จะใช้งานชิป M1 เช่นเดียวกับ iMac ทำให้ประมวลผลได้ไวกว่ารุ่นเดิมถึง 50% พร้อม GPU ที่แรงกว่าเดิมถึง 40% เลยทีเดียว อีกทั้งพอร์ต USB-C ของ iPad Pro รุ่นใหม่นี้ก็ยังรองรับ Thunderbolt อีกต่างหาก ทำให้สามารถเชื่อมต่อ iPad เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าต่อ Magic Keyboard เพิ่มเข้าไปก็สามารถใช้งานแทน Macbook หรือ iMac ได้แบบสบาย ๆ เลย
ถ้าใช้ Magic Keyboard รุ่นใหม่ร่วมกับ iPad Pro ตัวล่าสุดแล้วมองเผิน ๆ ก็คล้ายกับ iMac ขนาดย่อส่วนเลยทีเดียว
ภาพจาก : https://www.apple.com/th/shop/product/MJQJ3TH/A/magic-keyboard
ส่วนหน้าจอก็มีให้เลือกใช้งานกันถึง 2 รูปแบบด้วยกัน ทั้งจอ 11 นิ้ว Liquid Retina พร้อมด้วยเทคโนโลยี ProMotion, True Tone ที่มีขอบเขตสีกว้างถึงระดับ P3 และจอ 12.9 นิ้ว Liquid Retina XDR ที่ใช้เทคโนโลยี Mini-LED ทำให้ได้ภาพที่คมชัด, สว่าง และสดใสมากกว่าเดิม (Apple ระบุว่าคุณภาพจอเกือบเทียบเท่า Pro Display XDR เลยทีเดียว)
สำหรับกล้องหน้าก็อัปเกรดเป็นกล้องแบบ Ultra Wide พร้อมเซนเซอร์ความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซลพร้อมเทคโนโลยี Center Stage ที่จะย่อ-ขยายเฟรมภาพตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้แบบอัตโนมัติ
ในส่วนของราคาก็ เริ่มต้นที่ 27,900 บาท (รุ่นเริ่มต้น 128 GB จอ 11 นิ้ว) ไปจนถึง 81,400 บาท (รุ่นท็อป 2 TB จอ 12.9 นิ้วพร้อม Wi-Fi + Cellular) โดยจะเปิดให้จับจองพร้อม Magic Keyboard ตัวใหม่วันเวลาเดียวกับ iMac (https://www.apple.com/th-en/shop/buy-ipad/ipad-pro)
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |