ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ข่าวไอที
 

พี่เลี้ยงดิจิทัลอันตราย! ให้เด็กอยู่กับแท็บเล็ตนานๆ เสี่ยงสมองเติบโตช้า

พี่เลี้ยงดิจิทัลอันตราย! ให้เด็กอยู่กับแท็บเล็ตนานๆ เสี่ยงสมองเติบโตช้า

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,270
เขียนโดย :
0 %E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%21+%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%86+%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

ถ้าคุณคือผู้ปกครองที่ให้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นพี่เลี้ยงอิเล็คทรอนิกส์คอยดูแลลูกๆ หลานๆ อยู่ในตอนนี้ คงต้องขอให้มาดูผลการวิจัยที่ถูกเผยแพร่โดยทาง JAMA (Journal of the American Medical Association) กันก่อน ที่การวิจัยนี้ได้ศึกษาเด็กระดับอนุบาล (อายุ 3-5 ปี) ที่ใช้งานหน้าจออุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ตามคำแนะนำของทาง American Academy of Pediatrics

เด็กที่เล่นมือถือเยอะเกินไป จะทำให้มีปัญหาด้านการสื่อสาร และการแก้ปัญหา

บทความเกี่ยวกับ เด็ก อื่นๆ

ซึ่งผลจากการทดสอบสแกนสมองของเด็กอยู่กับหน้าจอมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล พบว่า เกิดปัญหาสมองเติบโตช้า โดยเนื้อสมองสีขาว (White Matter) มีการพัฒนาต่ำกว่าระดับปกติ ซึ่งเนื้อสมองสีขาวมีความสำคัญในการพัฒนาความสามารถด้านภาษา การอ่านออกเขียนได้ และความรู้ความเข้าใจ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เด็กที่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์หรือทีวีมากเกินไป จะทำให้เด็กมีการพัฒนาความสามารถด้านการสื่อสาร และการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ยากขึ้น

พี่เลี้ยงดิจิทัลอันตราย! ให้เด็กอยู่กับแท็บเล็ตนานๆ เสี่ยงสมองเติบโตช้า
ไฮไลท์สีฟ้าในรูป แสดงถึงพื้นที่ของเนื้อสมองสีขาวที่มีการเติบโตช้าจากการอยู่กับแสงหน้าจอเป็นเวลานานเกินไป

แท็บเล็ต พี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กให้สงบอย่างได้ผล?

ปัญหาที่เด็กๆ กำลังเผชิญอยู่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน 10 ปีที่แล้ว เพราะว่ายังไม่มีหน้าจอที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบายเหมือนอย่างในปัจจุบัน จริงอยู่ที่มือถือนั้นมีการใช้งานเป็นสิบๆ ปีแล้ว และสมาร์ทโฟนแบบทัชสกรีนเพิ่งเกิดขึ้นในปี 2007 แต่สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นเลย ก็น่าจะเป็นการที่ Apple iPad เข้าสู่ตลาดในปี 2010 ทำให้ผู้ปกครองหลายๆ คน ค้นพบว่า แท็บเล็ตเป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กได้เก่งแค่ไหน? โหลดวิดีโอไว้ให้เด็กดูและโหลดเกมฝึกสมองสำหรับเด็ก เอาไว้ให้ลูกๆ นั่งดูหรือเล่นแท็บเล็ตอย่างสงบระหว่างนั่งทานข้าวในร้านอาหารหรูๆ หรือ Amazon ที่มีแท็บเล็ตเวอร์ชันพิเศษสำหรับเด็ก และสมาชิก Amazon's FreeTime Unlimited บริการที่ให้เด็กสามารถเข้าไปใช้งานแอปฯ เกม หนังสือ วิดีโอ และคอนเท้นท์การศึกษาจากทั้ง Disney และ Nickelodeon แบบไม่อั้น

ก็ดูดีนะ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย!

Dr.John Hutton กุมารแพทย์และนักวิจัยด้านการพยาบาลของโรงพยาบาลเด็ก Cincinnati ผู้เป็นแกนนำของกรณีศึกษานี้กล่าวว่า "นี่เป็นการศึกษาครั้งแรกระหว่างเรื่องการใช้งานหน้าจอที่มากเกินไปกับแนวโน้มการพัฒนาสมองที่ต่ำของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะสมองจะพัฒนาได้เร็วในช่วง 5 ปีแรก เป็นช่วงที่สมองบอบบางและสามารถดูดซับได้ทุกอย่าง เพื่อนำไปใช้งานตลอดชีวิต" ซึ่งเด็กช่วงอายุดังกล่าวในปัจจุบันนี้ กว่า 90% มีพฤติกรรมอยู่กับหน้าจอเกินความจำเป็นกันทั้งหมด

นอกจากนี้ Dr.Hutton ยังกล่าวอีกว่า เด็กที่อยู่กับหน้าจอเป็นเวลา 5 ชั่วโมงต่อวัน มักจะมีผู้ปกครองที่อยู่กับหน้าจอเป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจริงๆ แล้ว ผู้ปกครองควรจะเอาเวลาที่อยู่กับหน้าจอ ไปดูแลเด็กมั้ย?

แล้วเด็กๆ ควรทำอย่างไร?

ทางสถาบัน American Academy of Pediatrics ได้แนะนำว่า เด็กที่มีอายุ 3-5 ปี ควรจะอยู่กับหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนเด็กที่อายุไม่เกิน 18 เดือน ไม่ควรที่จะอยู่กับหน้าจอใดๆ เลย เว้นเสียแต่กรณี วิดีโอคอลกับครอบครัว หรือเพื่อนๆ ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กัน

ส่วนผู้ปกครองที่เป็นกังวลในเรื่องการเติบโตของเนื้อสมองสีขาว มีผลการศึกษาบางส่วนบอกไว้ว่า การเรียนดนตรี การแสดงต่างๆ รวมทั้งการอ่านหนังสือ ช่วยในการเติบโตของเนื้อสมองสีขาวได้เป็นอย่างดี


ที่มา : www.phonearena.com


0 %E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%21+%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%86+%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
Content Editor สายโดรน ... ไม่ได้บินโดรนนะ แต่โดรนกระทำมาตล๊อดดด
 
 
 

ข่าวไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น