เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 737 Max 8 เกิดเหตุเครื่องตกในประเทศเอธิโอเปีย (Ethiopia) มีผู้โดยสารในเครื่อง 157 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เครื่องตกครั้งที่สองของเครื่อง 737 Max 8 ที่ห่างจากการตกครั้งแรกเพียงไม่กี่เดือน ทำให้องค์การด้านการบิน สั่งจอดเครื่องบินรุ่นนี้เพื่อค้นหาสาเหตุการตก และห้ามเครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินจนกว่าจะแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ
ตามมาด้วยข่าวจำนวนมากเกี่ยวกับปมปัญหาที่เป็นสาเหตุของการตก เผยให้เห็นถึงความบกพร่องในระบบคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมการบิน ทำให้เกิดเหตุตกของเครื่องบินรุ่นนี้ถึง 2 ครั้ง และเกิดความไม่พอใจในกลุ่มนักบินเมื่อไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ หลังจากที่เกิดเหตุตกครั้งแรก และดูเหมือนตอนนี้ทาง โบอิ้ง ดูเหมือนจะมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นซะอีก เพราะไม่มีผู้โดยสารคนไหนอยากจะเดินทางด้วยเครื่องบินรุ่นที่ทาง โบอิ้ง ตั้งใจจะให้เป็นดาวเด่นของบริษัทอีกต่อไป
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตก โบอิ้ง 737 Max 8 ตกถึงสองครั้งในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน
ตามการรายงานของสื่อ Los Angeles Times ระบุว่า ผู้คนส่วนใหญ่หวาดระแวงกับการเดินทางด้วยเครื่อง โบอิ้ง 737 ถึงแม้จะมีการแก้ไขปัญหาแล้วก็ตาม และผลสำรวจนี้เผยแพร่โดย Atmosphere Research Group ที่ชี้ให้เห็นว่านักเดินทางจำนวนเกือบครึ่ง ยอมหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยเครื่อง 737 Max ถึงแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นก็ตาม
ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามกว่า 20% พูดชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่ยอมขึ้นเครื่อง 737 Max ถึงแม้ทางโบอิ้งจะแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วก็ตาม และมีเพียง 14% ที่บอกว่าพวกเขายินดีที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินรุ่นนี้
โดยการสำรวจครั้งนี้ ทำกับกลุ่มนักเดินทาง 2,000 คน ที่ตอบแบบสอบถามที่มีคำถาม 38 ข้อ ซึ่งผลสรุปออกมานั้นถือว่าเลวร้ายสำหรับโบอิ้ง ซึ่งในเวลานี้มีเครื่องบินรุ่น 737 Max กว่า 350 ลำทั่วโลกที่จอดรอวันขึ้นบิน ในขณะที่กำลังมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา โดยทาง โบอิ้ง ได้มีการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเครื่องตก แต่เหตุการณ์ตกของเครื่องบินรุ่นเดียวกัน 2 ครั้งรวดภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการบิน ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |