รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร ตั้งฉายาให้ Facebook เป็นอันธพาลแห่งโลกดิจิตอล

คณะกรรมการดิจิตอลวัฒนธรรมสื่อและการกีฬาของรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร (UK Parliament's Digital, Culture, Media and Sport Committee (DCMS)) ได้เผยแพร่รายงานผลการสืบสวน Facebook ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Social Network หลังจากที่ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 18 เดือน ซึ่งผลลัพธ์ออกมาในทางที่ค่อนข้างแย่มากทีเดียวสำหรับ Facebook เนื่องจากในรายงานได้ระบุว่า Facebook มีการละเมิดกฏหมายโดยเจตนา

Karim Palant ผู้จัดการนโยบายสาธารณะของ Facebook ในสหราชอาณาจักร ได้ออกมาแถลงการณ์เพื่อตอบโต้รายงานของ DCMS ว่า "บริษัท Facebook สนับสนุนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง Facebook มีมาตรฐานระดับสูงในการใช้ข้อมูล และความโปร่งใสสำหรับผู้ใช้ และได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านระบบการโฆษณาทางการเมืองด้วย"

รายงานฉบับเต็มๆ ของ DCMS สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ https://publications.parliament.uk/pa/cm201719/cmselect/cmcumeds/1791/1791.pdf ซึ่งมีความยาวถึง 111 หน้าเลยทีเดียว ซึ่งเราขอยกเนื้อหา "บางส่วน" ที่โจมตี Facebook อย่างเข้มข้นมาให้อ่านกัน

Facebook ทำตัวเหมือนเป็น "อันธพาลดิจิตอล"

ในรายงานได้กล่าวถึงเอกสารภายในที่พูดถึงการสกัดขาคู่แข่ง ซึ่งได้มาจากศาลในแคลิฟอร์เนียที่ดูแลคดีระหว่าง Facebook และนักพัฒนาที่ชื่อ Six4Three ภายในนั้นมีข้อมูลการสื่อสารผ่านอีเมลภายในบริษัท Facebook ของผู้บริหารระดับสูง รวมถึง Mark Zuckerberg ด้วย ในเอกสารนั้นมีรายละเอียดของมติการพิจารณาระเบียบการแบ่งปันข้อมูล รวมถึง การที่ Facebook พัฒนาแอป Onavo VPN เพื่อเก็บข้อมูลจาก WhatsApp และ Snapchat

จากการสืบสวนพบว่า Facebook ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้นักพัฒนาไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้ ด้วยการอาศัยความเป็นผู้ครองตลาดรายใหญ่ Facebook ใช้อำนาจที่มีในการกดดันว่าธุรกิจไหนจะสำเร็จ หรือล้มเหลว 

DCMS ให้ความเห็นว่าบริษัทอย่าง Facebook ไม่มีสิทธิทำตัวเป็นอันธพาลดิจิตอล (Digital gangsters) ในโลกออนไลน์ ที่หลงคิดว่าตนเองเหนือกว่า และมีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฏหมาย

Mark Zuckerbeg เป็นคนชอบดูหมิ่นคนอื่น

ทาง DCMS ได้มีแสดงความเห็นอย่างรุนแรงต่อ Zuckerberg ที่ได้แสดงอาการดูหมิ่นระหว่างการสืบสวนที่เกิดขึ้น

Facebook ไม่มีทีท่าที่จะยอมรับการตรวจสอบ หรือถูกควบคุมต่อคณะรัฐสภาแม้แต่น้อย ทั้งการเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการ, การเพิกเฉยต่อการถูกเชิญมาหารือเป็นการส่วนตัว Mark Zuckerberg ไม่เคารพทั้งต่อรัฐสภาสหราชอาณาจักร และคณะกรรมการระหว่างประเทศ (International Grand Committe) ที่มีตัวแทนสมาชิกจากสภานิติบัญญัติ 9 คน จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นอกจากนี้ รัฐสภาสหราชอาณาจักร ยังระบุว่าเผชิญกับปัญหากับผู้บริหารของ Facebook ในเรื่องการตอบแบบสอบถาม โดย CTO Mike Schroepfer และ Simon Milner รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งทั้งคู่ไม่มีความพร้อมต่อการตอบคำถามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทางรัฐสภาสหราชอาณาจักรมองว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ Facebook ได้วางแผนไว้
Facebook ระบุว่าทั้งคู่เป็นพยานที่เหมาะสมที่สุดในการตอบคำถามดังกล่าว แต่ผลออกมาว่าเขาไม่ตอบบางคำถาม หรือพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการบอกว่าจะตรวจสอบข้อมูลแล้วส่งกลับมาให้ทางอีเมลในภายหลัง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีการส่งจดหมายตามมาสักฉบับ

เหตุการณ์ Cambridge Analytica เกิดขึ้นก็เพราะกฏของ Facebook เอง

กรณีอื้อฉาว Cambridge Analytica ได้ถูกสืบสวนแล้วพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลย หาก Facebook ได้ทำตามข้อบังคับที่ทาง U.S. Federal Trade Commission ได้เรียกร้องในปี 2011

FTC เคยยื่นเรื่องต่อ Facebook ในปี 2011 ว่าด้วยกฏข้อบังคับของ Facebook ที่ไม่คุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ด้วยการปล่อยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้มากจนเกินไป

Elizabeth Denham ผู้ดูแลฝ่ายสารสนเทศแห่งรัฐสภาสหราชอาณาจักร ได้เผยว่า "เรารู้สึกผิดหวังต่อ Facebook เป็นอย่างมาก ที่บริษัทผู้สรรสร้างนวัตกรรมกลับไม่สามารถเอาใจใส่ และให้ความสำคัญต่อการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้"

Facebook ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัยของข้อมูล

ย้อนกลับไปที่เอกสารเกี่ยวกับ Six4Three อีกครั้ง รายงานนั้นได้ชี้ให้เห็นว่า Facebook ให้ความสำคัญกับผลกำไรเหนือสิ่งอื่นใด รวมถึงข้อมูลของผู้ใช้ด้วย และเมื่อถูกจับได้ Facebook ก็จะออกมาบอกว่าเราขอโทษ พวกเรายังอยู่ในช่วงเดินทาง

โมเดลธุรกิจของ Facebook ยังคงน่าสงสัย

Facebook อ้างอยู่เสมอว่าเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยรายได้จากการโฆษณา รัฐสภาสหราชอาณาจักรได้กล่าวว่า Facebook อาจจะไม่สามารถทำให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อใจได้ นอกเสียจากว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น

Facebook จำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการทำธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพราะจากเอกสารของ Six4Three ได้แสดงให้เห็นว่า Facebook รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำละเมิดทั้งความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และกฎหมายต่อต้านการแข่งขัน 

สิ่งสำคัญที่ต้องหาความชัดเจนจาก Facebook ให้ได้ คือ การนำข้อมูลของผู้ใช้, ข้อมูลเพื่อนของผู้ใช้ และข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ว่าถูกนำไปใช้อย่างไร มีความชัดเจนแก่ผู้ใช้มากขนาดไหน