เรือดำน้ำทางการทหารในยุคปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ก็คือเรือดำน้ำพลังงานดีเซล และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเรือดำน้ำทั้ง 2 แบบก็มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน เรามาดูรายละเอียดในเรื่องนี้กันนะครับ
เรือดำน้ำพลังงานดีเซลถือเป็นต้นกำเนิดของเรือดำน้ำในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว มันเป็นการทำงานแบบผสมผสานกันระหว่างระบบเครื่องยนต์ดีเซล และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเรือดำน้ำประเภทนี้ จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลในขณะที่ลอยลำอยู่บนผิวน้ำ หรือดำอยู่ในระดับน้ำตื้น ที่สามารถปล่อยท่อสุดอากาศขึ้นสู่ผิวน้ำ ซึ่งเรือดำน้ำ ต้องการอากาศมาใช้ในกระบวนการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์ดีเซล นอกจากจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเรือดำน้ำในระดับน้ำตื้นแล้ว มันก็ยังเชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) เพื่อชาร์จพลังให้กับชุดแบตเตอรี่จำนวนมากของเรือดำน้ำด้วย ซึ่งชุดแบตเตอรี่นี้ทำหน้าที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนเรือดำน้ำที่ระดับความลึก
สาเหตุที่เรือดำน้ำดีเซล ต้องเปลี่ยนระบบมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อดำน้ำที่ระดับความลึก ก็เพราะว่า ใต้น้ำไม่มีอากาศเพียงพอสำหรับกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้เมื่ออยู่ใต้น้ำ ต้องขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น และทำให้เป็นข้อจำกัดของเรือดำน้ำประเภทนี้คือ ไม่สามารถดำน้ำต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลายาวนาน เพราะเมื่อพลังงานในแบตเตอรี่หมดลง เรือก็ต้องขึ้นสู่ระดับผิวน้ำ เพื่อเดินเครื่องยนต์ดีเซล ชาร์จพลังงานให้แบตเตอรี่
เรือดำน้ำดีเซลคลาส Yuan ของจีนมีระบบ AIPS
เรือดำน้ำดีเซลในยุคแรกนั้นแล่นช้า และเสียงรบกวนเยอะ ทำให้โดนตรวจจับได้ง่าย แต่ในยุคหลังได้ถูกพัฒนาให้มีเสียงรบกวนน้อยลง มีการปรับปรุงดีไซน์ ทำให้กลายเป็นอาวุธสงครามที่น่ากลัว มันสามารถปิดการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้ตามต้องการ เพื่อเรือให้เงียบขึ้น ตรวจจับได้ยากขึ้น มันสามารถลอยอยู่นิ่งๆ ใต้ผิวน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ และด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่างระบบ AIPS (Air Independent Propulsion System อาศัยออกซิเจนเหลวที่บรรจุอยู่ในถัง เป็นตัวช่วยในกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิง) ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลสามารถทำงานเมื่ออยู่ใต้น้ำได้เลย ช่วยยืดระเวลาการกบดานอยู่ใต้ผิวน้ำได้นานเป็นสัปดาห์ เทียบกับเรือดำน้ำดีเซลที่ไม่มีระบบ AIPS จะดำน้ำได้นานสุดเพียง 1-2 วัน ก็ต้องขึ้นสู่ระดับน้ำตื้นเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ เรือดำน้ำพลังงานดีเซลสามารถดำน้ำได้ลึก 150-300 เมตร และทำความเร็วสูงสุดได้ 15-20 น็อต (28-37 กม./ชม.)
กองทัพเรือชั้นนำของโลก ได้มีการปลดประจำการเรือดำน้ำพลังงานดีเซลไปบ้างแล้ว เพราะมันถูกแทนที่ด้วยเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แต่กองทัพเรือของบางประเทศ อย่างเช่น รัสเซีย, จีน และ อินเดีย ยังมีเรือดำน้ำพลังงานดีเซล ประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก ควบคู่ไปกับการมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ด้วยจุดเด่นของเรือดำน้ำดีเซลที่ราคาย่อมเยา และเนื่องจากเป็นเรือดำน้ำขนาดเล็ก ทำให้ใช้ลูกเรือเพียงจำนวนน้อย
จุดเด่นของเรือดำน้ำดีเซล
จุดอ่อนของเรือดำน้ำดีเซล
ใช้แหล่งพลังงานหลักจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีขนาดเล็ก เพื่อที่จะบรรจุลงในเรือดำน้ำได้ ซึ่งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์สามารถทำงานเพื่อสร้างความร้อนได้ ไม่ว่าจะอยู่บนน้ำหรือใต้น้ำ ซึ่งความร้อนจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ นำไปต้มนำให้เดือดจนกลายเป็นไอน้ำที่มีความดันสูง จากนั้นจึงใช้ไอน้ำไปผลักแกนใบพัดเรือให้หมุนเพื่อขับเคลื่อนเรือ และในอีกทาง แกนใบพัดเรือเชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) แล้วเก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อนำพลังงานไปหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ในเรือ
ด้วยควาที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ สามารถทำงานในสภาวะที่เรือดำอยู่ใต้น้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้เรือสามารถดำน้ำอยู่ที่ระดับความลึกได้ยาวนานเป็นเดือน โดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ ภายในเรือยังมีอุปกรณ์การสร้างออกซิเจนจากน้ำทะเล และมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับการเก็บเสบียงอาหาร และน้ำจืด ทำให้ลูกเรือสามารถดำรงชีวิตได้อย่างยาวนานใต้ทะเลลึก มันสามารถอยู่ใต้น้ำได้นาน 90 วัน ก่อนที่จะต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ หรือกลับฐานเพื่อเติมเสบียง
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ถือเป็นฝันร้ายของระบบเรือต่อต้านเรือดำน้ำเลยทีเดียว เพราะพวกมันสามารถดำลงไปที่ระดับความลึก 600 เมตร และสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงถึง 30-35 น็อตเมื่ออยู่ใต้น้ำ (56-65 กม./ชม.) ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่มีเหนือเรือดำน้ำดีเซล และถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เรือดำน้ำดีเซลเปรียบเหมือนรถ 5 ประตู ที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา แต่มีพละกำลังน้อย ในขณะที่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เปรียบเหมือนรถฮัมวี่ ต้องมีเงินมหาศาลถึงจะเป็นเจ้าของได้ พละกำลังมหาศาล และการมีอยู่ของมัน ถือเป็นการข่มขวัญกองทัพศัตรูได้เป็นอย่างดี และเป็นเหตุผลว่าทำไม่มีเพียง 6 ประเทศบนโลกใบนี้ ที่ครอบครองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ในขณะที่อีก 50 ประเทศ ยังคงใช้เรือดำน้ำดีเซล
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
SSN คลาส Seawolf ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา
SSN คลาส Los Angeles ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา
SSN คลาส Akula ของกองทัพเรือโซเวียต
SSBN คลาส Typhoon ของกองทัพเรือโซเวียต
SSBN คลาส Le Terrible ของกองทัพเรือฝรั่งเศส
***หมายเหตุ บทความนี้แปลและเรียบเรียง จากบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ ที่ได้มีการอ้างอิงไว้ครับ
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |
ความคิดเห็นที่ 1
21 กันยายน 2564 11:56:53
|
||
GUEST |
มนตรี
ตกลงดีเซลรึนิวเคลียร์เงียบกว่า
|
|