บนโลกของมือถือ มีระบบปฏิบัติการยอดนิยมแข่งขันกันอยู่เพียงแค่สองเจ้า คือ iOS ของ Apple และ Android ของ Google เรื่องราวของ Apple น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะมีทั้งหนังสือและภาพยนตร์ออกมามากมาย แล้ว Android ล่ะ ดูเหมือนเราจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากเรื่องที่ Google เป็นคนพัฒนาขึ้นมา วันนี้เรามาทำความรู้จักมันให้มากขึ้นดีกว่า กับ 50 เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ Android
บทความเกี่ยวกับ แอนดรอยด์ อื่นๆ
- Android คือ หุ่นยนต์เพศผู้ เพราะถ้าเพศเมียเราจะเรียกว่า Gynoid
- องค์การ Nasa เคยสร้างดาวเทียมราคาถูกเรียกว่า Phonesat โดยใช้ Nexus One ในการควบคุมการทำงาน
- ในการเชื่อมต่อ Android กับ Computer จะใช้ซอฟท์แวร์ที่เรียกว่า ADB ย่อมาจาก Android Debug Bridge
- Amazon Kindle Fire ใช้ระบบปฏิบัติการ Fire OS ซึ่งที่จริงแล้ว มันก็คือ Android เวอร์ชันที่ไม่มี Google apps นั่นเอง
- Androdi 4.4 ที่รู้จักกันในชื่อ KitKat เคยถูกเรียกว่า KLP หรือ Key Lime Pie ก่อนที่จัดจัดสินใจเปลี่ยนเป็นคิทแคทในช่วงสุดท้ายก่อนเปิดตัว
- แอปฯ บน Android ส่วนใหญ่จะเขียนด้วย Java ผ่าน Android SDK หรือไม่ก็เขียนด้วย C/C++ ผ่าน Android NDK
- แอปฯของ Android จะทำงานอยู่บน Secure sandbox ซึ่งจำกัดการเข้าถึงระบบ นอกเสียจากว่าผู้ใช้จะเป็นคนกดอนุญาตให้สิทธิเอง
- Android จะปิดการทำงานของแอปฯอัตโนมัติเมื่อทรัพยากรบนเครื่องเหลือน้อย การปิดการทำงานด้วยตนเองจึงไม่จำเป็น แต่แน่นอนว่า หลายๆ ครั้งมันปิดให้เราเองแม้ว่าเราจะกำลังเล่นแอปฯนั้นอยู่ก็ตาม T^T
- ที่จริงแล้ว Android พัฒนาบนพื้นฐานของ Linux ที่เป็น Open source
- Android 5.0 Lollipop ได้เปลี่ยนแปลงโค้ดการทำงานจาก Dalvik เป็น ART เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบ Just In Time ให้เป็น Ahead Of Time เราจึงเห็นได้ว่า Lollipop นั้นลื่นกว่าเดิมมาก
- Android บน TV มีชื่อเรียกว่า Android TV, Android บนนาฬิกาข้อมือเรียกว่า Android Wear และ Android บนรถยนต์เรียกว่า Android Auto
- Android ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2003 ซึ่งในทีมพัฒนามี Audy Rubin ผู้สร้างเครือข่ายโทรศัพท์ชื่อดังอย่าง T-Mobile อยู่ด้วย
- เดิมที Android ตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นระบบปฏิบัติการบนกล้องถ่ายรูปดิจิตอล แต่แล้วก็พบว่ามันเหมาะกับการทำงานบนโทรศัพท์อย่างมาก
- การตั้งชื่อรุ่นของแอนดรอยด์ด้วยชื่อขนมนั้น เริ่มจากเวอร์ชัน 1.5 เป็นครั้งแรก นั่นก็คือ Android C Cupcake
- Chrome OS สามารถรันแอปฯของ Android ได้
- มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเราใช้ microSD บนแอนดรอยด์ Google จึงตัดสินพัฒนา Android M ใหสนับสนุนการทำงานของ microSD ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่รุ่นเรือธงในปัจจุบันเลือกที่ตัดดช่องนี้ออกไปแล้ว
- การเข้าถึงโหมด Developer บนแอนดรอยด์นั้นต้องทำการกดสูตรเล็กน้อย ด้วยการกดไปที่ Build number ที่อยู่ใน About รัวๆ 7 ครั้ง
- Android ทุกเวอร์ชันมีความลับ Easter egg ซ่อนอยู่ กดดูได้ด้วยการกดไปที่เลขเวอร์ชันในหน้า About
- เราสามารถดูข้อมูลของโทรศัพท์แอนดรอยด์อย่างละเอียดได้ด้วยการกด *#*#4636#*#* ผ่านแอปฯ Phone
- แอนดรอยส์มีหลายเวอร์ชัน และเกือบทุกเวอร์ชันยังคงได้รับการใช้งานอยู่ โดยเวอร์ชันที่มีคนใช้งานมากที่สุดในขณะนี้ คือ Kitkat
- Google เข้าซื้อกิจการผลิตโทรศัพท์แอนดรอยด์ของ Motorola ในปี 2011 ก่อนที่จะขายออกไปให้ Lenovo ในปี 2014
- ที่จริงแล้ว Android พัฒนาโดยบริษัท Amdroid Inc. แต่ Google ซื้อกิจการมาพัฒนาต่อ คาดว่าราคาในการซื้อขายอยู่ที่ประมาณห้าสิบล้านดอลลาห์
- เดิมที่ แอปฯอย่าง Gmail และ Play Store ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของ Android แต่ Google จัดการใส่เข้ามาในภายหลัง
- ล่าสุด Google ได้ปล่อยเครื่องมือพัฒนาแบบฟรี Android Studio development tool โดนพัฒนามาจาก IntelliJ IDEA
- Android มีระบบ Play Games ให้นักพัฒนาได้ใช้งานด้วย ในการสร้าง Leaderboards และ Achievements เหมือนบนเครื่องเกมคอนโซล
- Google สร้างแท็บเล็ต Nexus ครั้งแรกในปี 2012 พัฒนาโดย Asus ถูกเรียกว่า Nexus 7 และอกอรุ่นใหม่ในปี 2013
- Scott Horn แห่งไมโครซอฟท์เคยวิจารณ์ว่า Android ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และน่าสนใจเลยสักนิด ตอนนี้คงรู้แล้วว่าเขานั้นคิดผิด
- Android Wear รุ่นแรกๆ ส่วนใหญ่จะใช้ Snapdragon 400 เป็นซีพียูในการทำงาน
- Nokia (ที่ไม่ใช่ส่วนที่อยู่กับไมโครซอฟท์) ได้พัฒนาแท็บเล็ตแอนดรอยด์ออกมาในชื่อ N1 ด้วยนะ
- Nokia ที่อยู่ภายใต้การดูแลของไมโครซอฟท์ เคยผลิตแอนดรอยด์โฟนออกมาสองรุ่น คือ Nokia X และ Nokia XL
- ฟีเจอร์ของแอนดรอยด์ที่สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรรี่มากที่สุด คือ Location services และ History การปิดสองฟังค์ชั่นนี้ จะช่วยยืดอายุการทำงานได้เป็นอย่างมาก
- เครื่องต้นแบบของแอนดรอยด์ผลิตโดย HTC และมีหน้าตาคล้ายกับสมาร์ทโฟนจาก BlackBerry
- แอนดรอยด์เครื่องแรกที่วางจำหน่ายขายผ่านเครือข่าย T-Mobile G1 มีชื่อเรียกว่า HTC Dream
- จุดแข็งที่สุดของ Android คือการแชร์ข้อมูลร่วมกันระหว่างแอปฯ การทำงานนี้มีชื่อเรียกว่า Intents
- ในขณะนี้มีแอปฯถูกดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store ไปแล้วถึง 60,000,000,000 ครั้ง
- ยี่ห้อ Droid เจ้าของคือ Verizon และถูกใช้เป็นชื่ออุปกรณ์จาก HTC, Motorola และ Samsung
- ในปี 2015 ,ีแอนดรอยด์โฟนที่สเปคใกล้เคียงกับพีซีออกมาเป็นตัวแรก ด้วยชิพ Intel และแรมถึง 4GB นั่นก็คือ Asus Zenfone 2
- หุ่นเขียวมาสคอตของแอนดรอยด์นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Bugdroid
- UI ของระบบปฏิบัติการ Android ได้รับการปรับปรุงเป็นครั้งแรกในเวอร์ชัน 4 Ice Cream Sandwich และ HOLO
- ซีพียูของ Android Wear Moto 360 ใช้ซีพียู TI OMAP ตัวเดียวกับที่ใช้บน Google Glass
- การออกแบบของ Nexus One นั้นได่รับอิทธิพลมาจากรุ่นยอดนิยมอย่าง HTC Desire
- Open Handset Alliance เป็นกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ของบริษัทผู้พัฒนามาตรฐานเปิดสำหรับอุปกรณ์พกพา สร้างขึ้นพร้อมกับ Android ทั้งสองกลุ่มจะแบ่งปันวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาโทรศัพท์แห่งอนาคต
- Android จะมีส่วนที่เป็น Open Source เรียกกันว่า AOSP ย่อมาจาก Android Open Source Project
- ความสำเร็จของแอนดรอยด์ ทำให้มีการพัฒนา Custom Rom ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งรอมโทรศัพท์ได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ
- ต้นกำเนิดของ Android TV คือ Google TV และมีการสนับสนุนจาก Logitech และ Sony ด้วย
- การเข้าถึงระบบคุวบคุมเครื่องอย่างเต็มรูปแบบ เรียกว่าการ Root ซึ่งผู้ใช้ระดับ Super User ทุกคนนิยมทำกับโทรศัพท์ที่ใช้งาน
- ผลิตภัณฑ์ของ Google อย่าง Youtube และแอปฯ Android TV ออกแบบ UI โดยคิดถึงการแสดงผลบน TV มีเรียกว่า Leanback
- แอนดรอยด์ 3.0 มีชื่อเรียกว่า Honeycomb ออกแบบเป็นพิเสษสำหรับการใช้งานบนแท็บเล็ตเท่านั้น ไม่เคยมีแอนดรอยด์โฟนรุ่นไหนได้เคยสัมผัสกับแอนดรอยด์เวอร์ชันนี้
- Google มีการทดสอบแอปฯภายในบริษัท เรียกขั้นตอนนี้ว่า Dogfooding
- ในขณะที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยดจะใช้โปรเซสเซอร์แบบ ARM ในการทำงาน ที่จริงแล้วแอนดรอยด์ก็รองรับ X86 ของ Intel ด้วยเช่นกัน
ที่มา : www.geek.com