อย่างที่ผู้ใช้งานหลายคนทราบและอาจจะเริ่มรำคาญแล้วนั่นก็คือ ตลอดปีที่ผ่านมาทางไมโครซอฟท์ได้พยายามอย่างหนักมากในการที่จะให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนจาก Windows รุ่นเก่า มาใช้งาน Windows 11 ที่ถึงแม้ผู้ใช้งานจะเริ่มมีมากขึ้นแล้วจากสถานการณ์บังคับที่ถูกกำหนดโดยทางไมโครซอฟท์เอง แต่เหมือนหลายรายจะไม่ยอมปล่อยตัวไปตามสถานการณ์นั้น
จากรายงานโดยเว็บไซต์ The Verge ได้กล่าวถึงการที่ทางตัวแทนของ Dell บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ได้ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าในการอัปเกรดไปเป็น Windows 11 ของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ในระหว่างการเปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ว่า การเปลี่ยนแปลงไปใช้งาน Windows 11 นั้นค่อนข้างช้ากว่าที่หลายฝ่ายทำการคาดหวังไว้ เนื่องจากถึงแม้ผู้ใช้งานหลายรายจะมีเครื่องที่มีความพร้อมในการอัปเกรดไปเป็น Windows 11 แล้วก็ตาม แต่ผู้ใช้งานกลุ่มนี้ก็ยังคงมีการยึดติดในการใช้งาน Windows 10 อยู่ ซึ่งผู้ใช้งานในกลุ่มนี้มีมากเป็นจำนวนมากกว่า 500 ล้านราย โดยครอบคลุมทั้งภาคการใช้งานส่วนบุคคลและการใช้งานในเชิงธุรกิจ
นอกจากนั้นยังได้เปิดเผยตัวเลขอีกส่วนว่า ทาง Dell ยังได้ตรวจพบอีกว่า มีผู้ใช้งานอีกกว่า 500 ล้านราย ที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นไม่มีความพร้อมในการอัปเกรดไปเป็น Windows 11 เนื่องด้วยการที่ตัว Windows 11 นั้นมีสเปคความต้องการที่สูง ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ซึ่งมีอายุมากกว่า 4 ปีขึ้นไปนั้น ไม่สามารถทำการติดตั้งได้ ซึ่งนั้นหมายถึง การที่ผู้ใช้งานที่ไม่อยากอัปเกรด หรือไม่สามารถอัปเกรดไปเป็น Windows 11 ได้นั้น มีตัวเลขสะสมมากกว่า 1,000 ล้านราย เลยทีเดียว นั้นทำให้ทางผู้บริหารของ Dell ได้ออกมาชี้ว่า ตัวเลขนี้แสดงถึงโอกาสอันดีในการช่วยเหลือ ชี้ชวนให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้งาน Windows 11 รวมทั้งการชวนให้เปลี่ยนมาใช้งานคอมพิวเตอร์แบบสนับสนุนการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (Aritificial Intelligence หรือ AI) แต่ก็ยังได้เตือนว่า ในช่วงปีข้างหน้า ตลาดคอมพิวเตอร์ (PC หรือ Personal Computer) ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะราบเรียบไม่เติบโตจากสาเหตุดังกล่าวเช่นเดียวกัน
คำสำคัญ »
|
|