การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันปลอมที่ดูไม่มีพิษมีภัยเพื่อให้มัลแวร์สามารถแทรกซึมลงบนระบบของเหยื่อนั้นเป็นวิธียอดนิยมเนื่องจากผู้ใช้งานมักจะไม่เอะใจถึงความผิดปกติใด ๆ อย่างเช่นในข่าวนี้
จากรายงานโดยเว็บไซต์ The Hacker News ได้กล่าวถึงรายงานของกลุ่มนักวิจัยจาก Truesec บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ถึงการตรวจพบแคมเปญการแพร่กระจายมัลแวร์ TamperedChef บนระบบ Windows ด้วยการหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจัดการไฟล์ PDF (PDF Editor) ปลอมที่มีชื่อว่า AppSuite PDF Editor, PDF OneStart และ PDF Editor ด้วยการใช้โฆษณาปลอมต่าง ๆ หลอกให้เหยื่อเข้าเว็บไซต์ปลอมที่มีการอวดอ้างต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อหลงกดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอมลงมาติดตั้ง ซึ่งหลังจากที่ดาวน์โหลดลงมาติดตั้ง ทุกอย่างก็เหมือนดูจะปกติดีเนื่องจากมีส่วนให้เหยื่อต้องตกลงเพื่อรับเงื่อนไขการใช้งาน รวมทั้งรับทราบนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล เหมือนกับซอฟต์แวร์ปกติทั่วไป
แต่ในระหว่างการติดตั้งนั้นเอง ทางทีมวิจัยจาก G Data บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากประเทศเยอรมนีได้เปิดเผยว่า ตัวติดตั้งจะทำงาน 2 ด้าน ทั้งการส่ง Request แบบลับ ๆ กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อดาวน์โหลดเครื่องมือจัดการ PDF (ปลอม) ลงมา ในขณะเดียวกันก็มีการเข้าไปจัดการแก้ไข Windows Registry เพื่อรับประกันว่ามัลแวร์จะสามารถทำงานอยู่บนระบบได้ตลอดเวลา (Persistent) โดยมีการแทรก Argument --cm=--fullupdate บน Registry ไว้เพื่อให้ส่งคำสั่งไปยังไฟล์มัลแวร์เป้าหมาย เพื่อให้เกิดการทำงานอัตโนมัติ (Autorun) ทุกครั้งที่มีการเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่
หลังจากที่มัลแวร์สามารถติดตั้งได้สำเร็จแล้ว ตัวมัลแวร์จะทำการเก็บข้อมูลของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งไว้บนเครื่อง, ทำการปิดเว็บเบราว์เซอร์, และเก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่อยู่บนเครื่อง เช่น รหัสผ่านต่าง ๆ และ ไฟล์ Cookies นอกจากนั้นทางทีมวิจัยยังตรวจพบฟีเจอร์ประตูหลังของระบบ (Backdoor) ที่อำนวยความสะดวกให้แฮกเกอร์เข้าทำการควบคุมเครื่องของเหยื่อ เช่น
สำหรับในส่วนของโฆษณาปลอมที่แฮกเกอร์ใช้งานนั้น ทางทีมวิจัยพบว่า มีการรันโฆษณาผ่านทางช่องทาง Google Ads โดยจากการตรวจสอบพบว่าโฆษณาจำนวนมากถูกใช้งานมาเป็นเวลา 56 วัน ก่อนที่จะทำการอัปเดตฟีเจอร์อันตรายลงบนมัลแวร์ที่ถูกติดตั้งไว้ โดยใกล้เคียงกับกรอบเวลาการปล่อยโฆษณาแบบ 60 วันที่เป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปบน Google มาก ซึ่งทางทีมวิจัยคาดว่าเป็นการปล่อยโฆษณาเพื่อให้ได้ผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ก่อนที่จะทำการโจมตีแบบรวดเดียว
|