Windows 11 นั้นนับเป็นหนึ่งใน Windows ที่เสียงแตกที่สุด ทั้งในด้านการบังคับอัปเกรด และปัญหาด้านความเสถียรต่าง ๆ แต่ตัวผู้พัฒนาอย่างไมโครซอฟท์ก็ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้าน AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้ Windows 11 นั้นดูมีความล้ำสมัยกว่า Windows รุ่นที่ผ่านมารวมทั้งคู่แข่งอื่น ๆ ในวงการเดียวกัน ซึ่งในอัปเดตปัจจุบันก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้มาอีกมากมาย
จากรายงานโดยเว็บไซต์ Cyber Security News ได้กล่าวถึงการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่หลายตัวซึ่งทางไมโครซอฟท์แปะป้ายว่า เป็นฟีเจอร์ที่อาศัยขุมพลังจาก AI (AI-Powered) เข้ามาช่วยให้ทำงานอย่างได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งช่วยให้หน้าตาการใช้งานตัว Windows มีความสวยงาม ช่วยแสดงตัวตนของผู้ใช้งาน (Personalization) ได้อย่างยืดหยุ่น ดั่งใจผู้ใช้มากกว่าเดิม ซึ่งตัวฟีเจอร์โดยมากนั้นจะเป็นการทำงานของตัว Windows ร่วมกับระบบ AI ตัวล่าสุดของทางไมโครซอฟท์อย่าง Coplilot โดยฟีเจอร์ต่าง ๆ นั้นมีดังนี้
ด้วยฟีเจอร์การตั้งค่าที่เชื่อมต่อกับระบบ Copilot ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำการค้นหาการตั้งค่าด้วยภาษาทั่วไป (Natural Language) บน Search Box ในส่วนของ Setting ได้เลย เช่น ตั้งค่าหน้าจอให้เป็นความละเอียดระดับ 1080 ก็ทำได้แค่พิมพ์ว่า “change my resolution to 1920×1080” ซึ่งหลังจากค้นเสร็จ ตัว AI ก็จะช่วยปรับเปลี่ยนค่าอย่างอัตโนมัติให้ทันที โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งฟีเจอร์นี้
ฟีเจอร์ใหม่นี้จะเข้ามาช่วยในการจัดการกู้ระบบอย่างรวดเร็วด้วยสารพัดเครื่องมือที่มี อย่างเช่นการใช้งาน Windows Recovery Environment (WinRE) เข้ามาช่วยตรวจสอบและแก้ปัญหาเมื่อเกิดการเริ่มระบบใหม่อย่างไม่คาดคิด (Unexpected Restart) ซึ่งจะช่วยลดเวลาการรีสตาร์ทเครื่องใหม่จาก 40 วินาที เหลือเพียง 2 วินาทีเท่านั้น
เครื่องมือสำหรับช่วยในการบันทึกหน้าจอยอดนิยมตัวนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย เช่น ย่อขยายรูป (Resize) อย่างไม่เสียขนาดด้วยระบบตรวจและรับทราบตัวคอนเทนต์อย่างอัตโนมัติ (Content Recognition) รวมทั้งปรับแต่งรูปแบบของสีบนภาพได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ HEX, RGB, และ HSL ด้วยการใช้แค่ปุ่ม Ctrl ร่วมกับ ปุ่ม + หรือ - เท่านั้น
ฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Windows 11 ที่ทางไมโครซอฟท์ภูมิใจนำเสนอ โดยฟีเจอร์นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่ AI จะทำงานต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติตามบริบทที่อยู่บนหน้าจอ เพียงแค่กดปุ่ม Windows + วัตถุที่อยู่บนหน้าจอ, Windows + Q, หรือใช้อุปกรณ์ระบบสัมผัส อย่างปากกา หรือ นิ้ว ก็จะสามารถสั่งการให้ตัว AI ช่วยจัดการอย่างอัตโนมัติได้ ไม่ว่าจะเป็นการ สรุปข้อความ, แก้ไขเนื้อหา, ปรับแต่งรูปภาพ เป็นต้น
เมื่อพูดถึงรูปภาพ ฟีเจอร์หนึ่งที่คงเป็นที่คุ้นเคยกันดีคงจะหนีไม่พ้น Photos ที่โดยมากมักเป็นที่รู้จักกันแค่เป็นเพียงแอปพลิเคชันสำหรับเปิดรูปดูเท่านั้น แต่คราวนี้มาพร้อมกับระบบปรับแต่งแสงใหม่ด้วย AI หรือ Relight เพียงแค่กด Edit > Relight ผู้ใช้งานก็จะสามารถปรับแต่งค่าเกี่ยวกับแสงต่าง ๆ บนรูปภาพได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ค่า Temperature, Color, Intensity เป็นต้น ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ง่ายแค่เลื่อนส่วน Slider เพื่อปรับแต่งค่า หรืออาจใช้ค่าที่ถูกตั้งมาแล้วในรูปแบบต่าง ๆ เช่น “Studio Portrait” และ “Cinematic Glow” เป็นต้น
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด นั่นก็คือ แอปพลิเคชันสำหรับวาดรูปสุดเก่าแก่อย่าง Paint ก็พร้อมกับฟีเจอร์ให้ AI เข้ามาช่วยทำงานอย่าง ฟีเจอร์การสร้าง Sticker อย่างอัตโนมัติ เพียงแค่สั่งงานผ่านทางการป้อนคำสั่ง หรือ Prompt บน Copilot เท่านั้น รวมทั้งการแยกรูปภาพจากฉากหลังก็สามารถทำได้ง่ายผ่านทางเครื่องมือจัดการ Object ด้วย AI ทำให้การทำงานบน Paint ทำงานได้อย่างสนุก มีสีสันมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานด้วยพลังของ AI บนระบบ Cloud ของทางไมโครซอฟท์ดังนั้นผู้ที่ต้องการใช้งานจำเป็นที่จะต้องมีบัญชี Microsoft Account และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งาน
|