งานวิจัยชิ้นใหม่ จาก ชโรเดอร์ส แคปปิตอล แสดงให้เห็นว่า หุ้นนอกตลาด (private equity) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา นิลส์ โรด, ประธานเจ้าหน้าที่สารสนเทศ (CIO) ของชโรเดอร์ส แคปปิตอล เปิดเผยถึงเหตุผลเบื้องหลังการฟื้นตัวได้ดีและถอดบทเรียนสำหรับการจัดสรรการลงทุนในหุ้นนอกตลาดในอนาคต
นิลส์ โรด, ประธานเจ้าหน้าที่สารสนเทศ (CIO) ของชโรเดอร์ส แคปปิตอล
(Nils Rode, Chief Investment Officer, )
หุ้นนอกตลาดมักสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเกิดภาวะวิกฤตของตลาดทุนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา โดยมอบผลตอบแทนที่ดีกว่าถึงสองเท่าในช่วงที่เกิดวิกฤตต่างๆ อาทิ การล่มสลายของตลาดดอทคอม วิกฤตการเงินโลก วิกฤตยูโรโซน การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงเมื่อไม่นานนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจ การวิจัยพบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลตอบแทนดังต่อไปนี้:
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของหุ้นนอกตลาดถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยเชิงโครงสร้าง ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิคที่เฉพาะเจาะจงกับภาคส่วนนั้นๆ
ในสภาพแวดล้อมการออกจากการลงทุนในปัจจุบัน การกระจายผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นสิ่งที่บรรดานักลงทุนนิติบุคคล (LP) ให้ความสนใจมาก การกระจายผลตอบแทนจากการลงทุนในปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยในระยะยาว เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตการล่มสลายของดอตคอมและวิกฤตการเงินโลกที่ผลตอบแทนอยู่ที่เพียง 5%
ความปั่นป่วนของตลาดที่เกิดเป็นวงกว้างขึ้นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความท้าทายสำหรับนักลงทุนและธุรกิจ ในขณะที่หุ้นนอกตลาดยังคงสามารถทำผลกำไรได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งแบบที่เทียบกับผลกำไรขาดทุนจริง (absolute return) กับแบบที่เทียบกับดัชนีของตลาด (relative return)
หากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม โปรดดู รายงานความสามารถในการฟื้นตัวของหุ้นนอกตลาดฉบับเต็ม
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |