การเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมในที่ทำงานนั้น มักจะผิดกฎการทำงานในที่ทำงานตามปกติอยู่แล้วเนื่องมาจากเป็นระเบียบในเชิงศีลธรรม และการปฏิบัติตน ทว่า นอกเหนือจากข้อกังวลใจดังกล่าวแล้ว การเข้าเว็บที่ไม่เหมาะสมยังสามารถนำภัยมาสู่ระบบได้มากกว่านั้น
จากรายงานโดยเว็บไซต์ Tech XPlore ได้รายงานถึงการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากมหาวิทยาลัย University of Trento, Vrije Universiteit Amsterdam, และบริษัทนักพัฒนาเครื่องมือกำจัดมัลแวร์ชื่อดัง Trend Micro ออกมาเตือนภัยจากการใช้เครื่องของบริษัทในการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม โดยได้อ้างอิงจากงานวิจัยจากการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมของพนักงานในการเข้าเว็บไซต์ลามกอนาจาร และเว็บไซต์พนัน กับโอกาสในการที่ติดมัลแวร์ 7 ชนิด ไวรัส, โทรจัน, เวิร์ม, เครื่องมือแฮก (Hacking Tool), มัลแวร์สำหรับการเรียกค่าไถ่ (Ransomware) และแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการอื่น ๆ (Potentially Unwanted Applications หรือ PUAs
ซึ่งผลวิจัยก็ได้ถูกสรุปออกมาว่า พนักงานที่เข้าเว็บไซต์การพนันนั้นมีสิทธิ์ที่จะทำให้ระบบของบริษัทนั้นติดมัลแวร์เพื่อการขุดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี (Coinminer) ซึ่งเป็นมัลแวร์ประเภทโทรจันประเภทหนึ่งที่ใช้ทรัพยากรของเหยื่อเพื่อขุดเหรียญแล้วส่งกลับไปยังแฮกเกอร์ โดยการเข้าเว็บไซต์ประเภทดังกล่าวนั้นทำให้มีโอกาสในการติดโทรจันประเภทนี้มากขึ้นถึง 2 เท่าตัว
ขณะที่พนักงานที่เข้าใช้งานเว็บไซต์ลามกอนาจารนั้น มีโอกาสที่จะพาระบบของบริษัทติดแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการมากที่สุด ตามมาด้วยโทรจัน และเครื่องมือสำหรับการแฮกที่แฮกเกอร์ได้วางกับดักเอาไว้ โดยปริมาณความเสี่ยงในการติดนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณเว็บไซต์ที่เข้าเยี่ยมชม ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา หรือความนานในการเข้าชมเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งแต่อย่างใด
แต่ถึงกระนั้นทางทีมวิจัยก็ยังได้ระบุอีกว่า ความเสี่ยงขององค์กรต่อประเภทมัลแวร์ที่จะติดลงระบบนั้น ขึ้นอยู่ด้วยว่าเป็นองค์กรแบบใด ถ้าเป็นองค์กรรัฐก็มีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงในการติดเครื่องมือแฮกเพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบและขโมยข้อมูลมากกว่า ขณะที่ถ้าเป็นองค์กรด้านสุขภาพ เช่นโรงพยาบาล มีสิทธิ์ที่จะติด Ransomware เพื่อเรียกค่าไถ่ข้อมูลสำคัญมากกว่า เป็นต้น แต่ทางทีมวิจัยก็ได้สรุปว่า พฤติกรรมในการเข้าชมเว็บไซต์ของพนักงานนั้น สอดคล้องกับความเสี่ยงในการติดมัลแวร์ขององค์กรอย่างแน่นอน
|