หลายบริษัทนั้นนำเอา AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้งานก็เนื่องมาจากการทำงานได้รวดเร็ว ความแม่นยำที่สูง และประสิทธิภาพการทำงานที่ดี ทำให้หลายคนอาจคิดว่าพนักงานอาจจะสบายมากขึ้น งานน้อยลง มีเวลามากขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วมีหลายสิ่งตรงกันข้ามกับที่คิดกันอย่างสิ้นเชิง
จากรายงานโดยเว็บไซต์ Fast Company ได้กล่าวถึงสภาวะที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หลายคนคิดกันนี้ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่มีการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน 2,500 ราย จาก สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา ซึ่งพนักงานที่สัมภาษณ์ก็มาจากหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานทั่วไป, พนักงานฟรีแลนซ์ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทุกรายต้องมีจุดร่วมกันอยู่ที่การทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ โดยความเห็นของเหล่าพนักงานหลายระดับที่มีต่อ AI นั้น แสดงให้เห็นถึงหลากมุม ที่บางมุมนั้นก็ขัดแย้งกับอีกมุมเสียอีก เช่น
โดยสรุปแล้ว กว่า 65% ของพนักงานนั้นมองว่าการนำเอา AI เข้ามาใช้ในการทำงาน จะช่วยเพิ่มผลิตภาพให้กับงาน แต่กว่า 47% กลับมีความรู้สึกไม่รู้ไม่มั่นใจว่า ต้องใช้ AI อย่างไร มากเพียงใด ? เพื่อให้ตรงกับความคาดหวังของนายจ้าง
นอกจากนั้นพนักงานจำนวนมากยังมอง AI เป็นภาระมาเพิ่มงาน โดยกว่า 39% ของพนักงานเปิดเผยว่าใช้เวลายาวนานมากไปกับการตรวจสอบคอนเทนต์ที่ AI สร้างขึ้นมาเพื่องาน, กว่า 23% ต้องใช้เวลาส่วนตัวในการเรียนรู้ในการใช้เครื่องมือ AI ต่าง ๆ , ซ้ำร้าย กว่า 21% นั้นถูกนายจ้างสั่งให้ทำงานมากขึ้น หนักขึ้น จากการนำเอา AI เข้ามาใช้งาน โดยภาพรวมแล้ว กว่า 40% ของพนักงานมองว่าความคาดหวังของบริษัทต่อพนักงานในการใช้งาน AI นั้น ไม่ได้สอดคล้องกับสภาวะความเป็นจริง
งานวิจัยนี้คงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่บริษัทในไทยจะนำเอามาใช้เรียนรู้และตรวจสอบตนเองว่า การนำเอา AI เข้ามาใช้งานนั้น ได้มีการวางแผนและปฏิบัติอย่างถูกทางหรือยัง รวมไปถึงการบริหารด้านความคาดหวังที่มีต่อลูกจ้างก็เช่นเดียวกัน เพราะการนำเอา AI เข้ามาแล้วบริหารความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่อยากให้เป็น อาจนำมาสู่ความทุกข์มหันต์ของลูกจ้างจนส่งผลเสียในระยะยาวแทนก็เป็นได้
|