Nvidia บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) และ AI ได้เปิดตัวซีรีส์ชิปใหม่ "Blackwell" ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากในปลายปีนี้ โดยหน่วยประมวลผลใหม่นี้รวมเอาซิลิคอนขนาด 2 ตารางนิ้วเข้าด้วยกัน ซึ่งมีขนาดเท่ากับซีรีย์ก่อนหน้าของบริษัท (H20) ภายในซีรีส์นี้ตัวชิปประมวลผล "B20" มีความเร็วสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30 เท่าในบางงานเช่น การให้คำตอบจากแชทบอท
โดย Nvidia จะร่วมมือกับ Inspur ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ในจีน เพื่อเปิดตัว และจัดจำหน่ายชิปตัวใหม่ที่มีชื่อรหัสว่า "B20" โดยคาดว่าจะเริ่มจัดส่งชิป "B20" ในไตรมาสที่สองของปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ.2025) อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของรอยส์เตอร์
จากที่สหรัฐฯ ได้เข้มงวดการควบคุมการส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์อันล้ำสมัยไปยังประเทศจีนในปี พ.ศ. 2566 (ค.ศ 2023) เพื่อป้องกันความก้าวหน้าด้าน Super Computing ที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของกองทัพประเทศจีน
นับตั้งแต่นั้นมา Nvidia ได้พัฒนาชิปที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้จัดจำหน่ายในประเทศจีนได้ โดยออกมาแล้ว 3 รุ่น เพื่อให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอย่าง Huawei และบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Enflame ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Tencent (0700.HK) สามารถเข้าแข่งขันในตลาด AI ขั้นสูงได้บ้าง
ภาพจาก : https://www.apricitas.io/p/the-us-china-chip-war-is-escalating
ดยยอดขายจากประเทศจีนคิดเป็นประมาณ 17% ของรายได้ของ Nvidia ในปีที่ผ่านมาสิ้นสุดในเดือนมกราคม ซึ่งอยู่ที่ 26% เมื่อสองปีก่อน ก่อนที่จะเกิดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
จากแนวโน้มของยอดขายกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ และราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง Nvidia ตั้งเป้าหมายสู่การขายชิป H20 มากกว่า 1 ล้านชิป ในจีนภายในปีนี้ มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นสองพันล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ของ SemiAnalysis
คาดว่าสหรัฐฯ จะยังคงกดดันการควบคุมการส่งออกที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ต่อไป ทั้งยังต้องการให้เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นจำกัดอุปกรณ์ผลิตชิปให้กับจีนมากขึ้น ตามที่แหล่งข่าวกล่าวรัฐบาลไบเดนยังมีแผนเบื้องต้นที่จะวางแนวป้องกัน AI Models ที่ล้ำหน้าที่สุดซึ่งเป็นซอฟต์แวร์หลักของระบบปัญญาประดิษฐ์ เช่น ChatGPT ไม่ให้จีนเข้าใช้งานได้
หุ้นชิปทั่วโลกดิ่งลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่ Bloomberg News รายงานว่ารัฐบาลของไบเดนกำลังพิจารณามาตรการที่เรียกว่า "กฎผลิตภัณฑ์การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ" ซึ่งจะอนุญาตให้สหรัฐฯ ห้ามขายผลิตภัณฑ์ใด ๆ หากผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของอเมริกา
|