Kaspersky บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากรัสเซีย เตรียมที่จะปิดการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา และปลดพนักงานหลังจากคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ตามที่ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ สามารถอ่านข่าวได้ที่นี่ สิ้นสุดการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกามากว่าสองทศวรรษ
Kaspersky ได้กล่าวว่า "บริษัทจะยุติการดำเนินงานในสหรัฐฯ อย่างค่อยเป็นค่อยไป" โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2567 (ค.ศ.2024) ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามมีผล โดยเสริมไว้ว่า "ธุรกิจในสหรัฐฯ ของบริษัท ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก"
คิม เซ็ตเตอร์ (Kim Zetter) นักข่าวอิสระ เป็นคนแรกที่เปิดเผยข่าวการปิดกิจการของบริษัท Kaspersky ในสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเซ็ตเตอร์กล่าวว่าจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างในสหรัฐอเมริกา “น้อยกว่า 50 คน” เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของการเตรียมยุติการให้บริการในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วจากแถลงการณ์ผ่านอีเมลของคุณซอว์เยอร์ วานฮอร์น (Sawyer VanHorn) โฆษกของ Kaspersky แถมตัวโฆษกเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลิกจ้างด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ออกคำสั่งห้ามการขาย และให้บริการซอฟต์แวร์ของ Kaspersky โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า Kaspersky อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมชาวอเมริกันผ่านการแฮกหรือการเก็บข้อมูล ซึ่ง Kaspersky ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างหนักแน่น แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้อยู่ดี
เมื่อคำสั่งห้ามมีผล บริษัท Kaspersky จะไม่สามารถจำหน่ายซอฟต์แวร์ของตนเองให้กับผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ได้ ไม่ว่าจะทางตรง หรือผ่านตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ถึงแม้ลูกค้าปัจจุบันในสหรัฐจะยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ได้จนถึงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2567 (ค.ศ.2024) หลังจากนั้นจะไม่สามารถให้การอัปเดตซอฟต์แวร์อีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร
ภาพจาก : https://www.arabnews.com/node/2067031/business-economy
Kaspersky ก่อตั้งขึ้นในกรุงมอสโกในปี 1997 (พ.ศ.2540) และเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก โดยมีลูกค้ามากกว่า 400 ล้านคน และบริษัทกว่า 240,000 แห่งทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงลงทุนในตลาดยุทธศาสตร์อื่น ๆ และยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้า และพันธมิตรต่อไป
|