ช่วงรอบปีที่ผ่านมาที่การใช้ AI นั้นเริ่มกลายเป็นที่นิยมต่อชีวิตประจำวันมากมายหลายอย่างอันเนื่องมาจากราคาการให้บริการที่จับต้องได้ ทำให้มีผู้คนมากมายเริ่มกังวลในสถานะของตนเองว่างานที่ตนทำนั้นจะมีให้ทำต่อไปในอนาคตไหม และด้วยข่าวนี้อาจจะเป็นการพิสูจน์ว่า ความกังวลนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นจริง
จากรายงานของสถาบันวิจัยนโยบายสาธารณะแห่งประเทศสหราชอาณาจักร (IPPR หรือ Institute for Public Policy Research) ได้บ่งบอกถึงตัวเลขที่น่าสนใจว่า การมาของ AI อาจส่งผลกระทบต่องานในสหราชอาณาจักร (UK) มากถึง 8 ล้านตำแหน่ง โดยรายงานได้กล่าวถึงสิ่งเดียวกันที่เคยถูกรายงานโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ตำแหน่งงานกว่า 40% ของโลกอาจได้รับผลกระทบจากการที่ AI ได้เข้ามามีส่วนในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ
โดยในรายงาน ทางสถาบัน IPPR ได้สรุปว่า กลุ่มผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการที่ AI นั้นเข้ามาอำนวยความสะดวกให้หลายอย่างทำงานได้อย่างอัตโนมัติ (Automation) คือกลุ่มผู้หญิง, คนทำงานรุ่นเยาว์, และเหล่าคนงานค่าแรงต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับอีกข้อหนึ่งจากรายงานที่กล่าวว่า งานพาร์ทไทม์, งานระดับขั้นเริ่มต้น (Entry level) และงานธุรการ จะได้รับผลกระทบด้านลบมากที่สุดในภายใน 3 - 5 ปีข้างหน้า
ทางฝ่ายนักวิจัยยังได้ทำงานวิเคราะห์ด้วยการแบ่งช่วงการนำเอา AI เข้ามามีบทบาทในการจัดงานออกเป็น 2 ช่วง คือ First wave ที่เป็นการนำเอา AI เข้ามาจัดการกับงานซ้ำซากที่ต้องทำเป็นประจำ หรืองานรูทีน เช่น การจัดการฐานข้อมูล งานจัดการตารางต่าง ๆ
และ Second wave คืองานอื่น ๆ ที่ต้องใช้ความคิดในการจัดการนอกเหนือจากการทำงานแบบรูทีน เช่น งานสร้างสรรค์ต่าง ๆ รวมถึงงานสร้างฐานข้อมูลใหม่ โดยตัวเลขจากการวิเคราะห์ลักษณะของเนื้องานมากกว่า 22,000 งาน ที่ครอบคลุมทุกอาชีพ พบว่า การเข้ามาของ AI ในรอบแรกได้สร้างผลกระทบไปแล้วกว่า 11% ของงานทั้งหมด แต่การเข้ามาในรอบที่ 2 จะส่งผลต่องานกว่า 59% โดยสรุปคือ แม้จะทำงานที่ต้องอาศัยทักษะพิเศษเช่น งานสร้างสรรค์ ก็ไม่อาจจะหนีผลกระทบที่จะได้รับจากการมาของ AI ได้
ทีมวิจัยยังได้สรุปกึ่งแนะนำให้ทางผู้ประกอบการต่างๆได้ครุ่นคิดว่า ในกรณีที่แย่ที่สุดคือเอา AI เข้ามาแทนคนทำงานเลยอาจส่งผลความเสี่ยงให้คนกว่า 7.9 ล้านคนต้องตกงาน ทำให้ส่งผลกระทบที่เศรษฐกิจจะไม่มีการเติบโตใน 3 - 5 ปีข้างหน้า แต่ถ้าเปลี่ยนวิธีการเป็นการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาประสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในปัจจุบันอย่างเต็มที่นั้น ซึ่งเป็นความคาดหวังในเชิงกรณีที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ (Best-case scenario) สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ นอกจากจะไม่มีใครตกงานแล้ว เศรษฐกิจจะโตได้อย่างต่อเนื่องถึง 4% ต่อปี รวมทั้งทางทีมวิจัยยังได้สนับสนุนให้รัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปในทิศทางอย่างหลัง โดยทางทีมแนะนำว่า รัฐบาลต้องเร่งจัดการในทันทีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
|