นิสสัน มอเตอร์ ได้เปิดตัว นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ที่งาน Japan Mobility Show ซึ่งเป็นรถยนต์ต้นแบบคันสุดท้ายของซีรีส์นวัตกรรมรถยนต์แนวคิด “ไฮเปอร์” ทั้งห้าคัน ที่เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้าทุกสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ก่อนงานเริ่ม สะท้อนวิสัยทัศน์ของนิสสันในการมองเห็นความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในอนาคตที่หลากหลาย และยกระดับชีวิตของผู้คนด้วยนวัตกรรม และความตื่นเต้นเร้าใจ
มาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิสสัน (Makoto Uchida – CEO) กล่าวว่า “รถยนต์ต้นแบบทั้ง 5 คันที่จัดแสดงในวันนี้เป็นสัญลักษณ์ของอนาคตและรวบรวมจิตวิญญาณแห่งการก่อตั้งของเราที่ว่า 'กล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า' เราได้พัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้ ก้าวไปไกลกว่าการขับเคลื่อนเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคตของเราในการสร้างโลกที่สะอาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และครอบคลุมสำหรับทุกคน โดยไม่ละทิ้งความหลงใหล และความฝัน ด้วยพลังแห่งนวัตกรรม นิสสันมุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นแห่งการเดินทาง”
นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ได้รับการออกแบบมาเพื่อผู้ชื่นชอบการแข่งรถและนักเล่นเกมที่กระหายความตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนในสนามแข่ง แต่ยังคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่มุ่งหวังที่จะมอบความพึงพอใจในการขับขี่ขั้นสูงสุด ขณะเดียวกันก็มอบประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสูงและความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจําวัน
หัวใจหลักของรถยนต์รุ่นนี้คือระบบส่งกำลังไฟฟ้าทั้งหมดที่ให้พละกำลังสูง พร้อมด้วยแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีความสมดุลของน้ำหนักอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถผลิตพลังงานได้สูงถึง 1,000 กิโลวัตต์ พร้อมอัตราเร่งที่แม่นยำและรวดเร็ว ดาวน์ฟอร์ซอันทรงพลัง ระบบควบคุมการขับเคลื่อน e-4ORCE ที่ควบคุมล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ ตัวถังน้ำหนักเบาที่ประกอบด้วยคาร์บอนที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้เข้าโค้งได้ดีขึ้นและควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยมในสนามแข่งและถนนที่คดเคี้ยว
การออกแบบภายนอกมีสัดส่วนที่กว้างและลงตัวเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนโค้งเพรียวที่เข้ากันอย่างลงตัวกับรูปทรงเรขาคณิตที่โดดเด่น สะท้อนถึงสมรรถนะที่โดดเด่นของเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านล่าง องค์ประกอบต่างๆ ที่รวมอยู่ในการออกแบบ อาทิ ไฟหน้าและไฟท้าย ถือเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์สมรรถนะสูงจากนิสสัน
รูปโฉมภายนอกตอบสนองสมรรถนะสูงจากหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมแข่ง NISMO เพื่อสร้างแรงกดดาวน์ฟอร์ซ (Downforce) อันทรงพลัง โครงสร้างหลักอากาศพลศาสตร์สองชั้นใต้ฝากระโปรงหน้าให้ทั้งแรงกดที่แข็งแกร่ง และประสิทธิภาพการระบายความร้อนสูง ในขณะเดียวกัน ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบสองระดับ จะควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างเหมาะสม ชิ้นส่วนคานาร์ดด้านหน้า บังโคลนหน้า และปลายทั้งสองข้างของปีกหลัง มอบประสิทธิภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ ชิ้นส่วนแอคทูเอเตอร์พลาสม่าที่พัฒนาขึ้นใหม่จะควบคุมการไหลของอากาศเพื่อเพิ่มการยึดเกาะสูงสุดและลดการยกตัวของล้อด้านในระหว่างการเข้าโค้ง ล้อคาร์บอนลายหินอ่อนน้ำหนักเบาช่วยเสริมอากาศพลศาสตร์และการระบายความร้อนจากเบรก
รถยนต์ต้นแบบนี้มีโหมดการขับขี่สองโหมด ได้แก่ “R” (Racing) และ “GT” (Grand Touring) ซึ่งการแสดงผลผ่านกราฟิกที่จะเปลี่ยนสีและการแสดงผลตามโหมดที่เลือก โดยถูกออกแบบให้แสดงข้อมูลที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ทันที ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การขับขี่ ซึ่งกราฟิกเหล่านี้มาจากความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตเกมขับรถชั้นนำ อย่าง โพลิโฟนี ดิจิทัล (Polyphony Digital Inc.)
ในโหมด R ห้องโดยสารจะปรับแสงบรรยากาศเป็นสีแดงและสร้างพื้นขับขี่ที่ใช้งานง่ายซึ่งโฟกัสไปที่คนขับเพื่อทำให้เกิดสมาธิแผงบนแผงหน้าปัดขยายออกไปบริเวณที่นั่งเพื่อเพิ่มความรู้สึกของการขับขี่ ในขณะเดียวกัน หน้าจอแสดงผลสี่จอรอบตัวและรอบพวงมาลัยจะแสดงลมยาง และอุณหภูมิ ความดันอากาศ อุณหภูมิของจานเบรก การกระจายกำลัง และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการแข่งรถ
ในโหมด GT ห้องโดยสารจะปรับแสงสว่างเป็นสีน้ำเงินและหน้าจอที่อยู่รอบพวงมาลัยจะเคลื่อนออกไปและรวมเข้าด้วยกันมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำด้วยอินเทอร์เฟซในระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการตั้งค่าเครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง ระบบกันสะเทือน และระบบกันการโคลง เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ระบบกันสะเทือนและเหล็กกันโคลงได้รับการออกแบบให้เป็นรายแรกของโลกที่สามารถสั่งการบนหน้าจอได้อย่างง่ายดายในขณะขับขี่
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่งสูง ช่วยให้ขับขี่ทางไกลได้สบาย พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบสี่จุด
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในสมการของรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติขั้นสูงพร้อม เทคโนโลยีระบบการหลบหลีกการชนทำงานผ่าน Hyper LIDAR - Light detection and ranging และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ปรับแต่งมาสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต รถยนต์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยระดับสูงทั้งบนถนนสาธารณะและในสนามแข่ง
เพื่อเป็นการยกระดับความน่าสนใจของ นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ คือประสบการณ์ เทคโนโลยีของโลกเสมือนผสมผสานกับโลกแห่งความจริง (Augmented Reality) และความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้การขับขี่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนจริงเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อรถหยุด ผู้ขับขี่สามารถใช้หมวกกันน็อกแบบพิเศษที่มีกระบังหน้าสำหรับ VR ที่ช่วยให้เข้าสู่ประสบการณ์การขับขี่แบบเกม พร้อมด้วยโหมดที่ช่วยให้สามารถแข่งกับเวลาหรือนักแข่งออนไลน์ได้ การใช้กระบังหน้าแบบโครงกระดูกสำหรับ AR ช่วยให้นักแข่งสามารถต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆในโลกดิจิทัลซึ่งอาจเป็นเพื่อน หรือแม้แต่นักแข่งมืออาชีพบนสนามแข่งได้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงทักษะการขับรถของตนบนสนามจริงได้อย่างปลอดภัย
นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองรวมถึงกระบวนทัศน์ในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะที่ได้จากพลังงานไฟฟ้า และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล้ำสมัย รถยนต์ต้นแบบคันนี้จึงเป็นวิสัยทัศน์ของนิสสันสำหรับซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นต่อไป
นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมของนิสสันที่ถูกจัดแสดงในงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งเป็นปีที่นิสสันฉลองครบรอบ 90 ปี
นิสสันเน้นย้ำถึงอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างที่มีความต้องการที่หลากหลาย โดยความชาญฉลาดของยานพาหนะและการเชื่อมต่อที่สามารถทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น สื่อสารถึงกันมากขึ้น และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นิสสันยังจัดแสดงแนวทางที่ครอบคลุมในการสร้างระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยนำมาซึ่งสังคมที่ยั่งยืน
ในงานนี้ นิสสันทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ:
Japan Mobility Show จะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน บูธนิสสันจะจัดแสดงอยู่ ณ East Hall 4
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |
ความคิดเห็นที่ 1
26 ตุลาคม 2566 16:33:59
|
||
GUEST |
2468
ทรงสวยมากก นึกถึงรุ่น GTR เลยครับ
|
|