หลังจากที่ทางบริษัท Apple ได้เปิดตัว Gadget ใหม่อย่าง Apple AirTag ที่ช่วยให้เราสามารถตามหาอุปกรณ์ที่พ่วง AirTag ไว้ในระยะสัญญาณ Bluetooth ได้โดยการเปิดแอปพลิเคชัน Find My ขึ้นมา ก็จะสามารถตามพิกัดของกุญแจรถที่ไม่รู้ว่าไปลืมวางไว้ตรงไหนได้ง่าย ๆ ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนขี้ลืมได้เป็นอย่างดีไปในช่วงต้นปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ที่ผ่านมา
ล่าสุดได้มีผู้ใช้ Twitter คนหนึ่งออกมาทวีตเตือนว่าให้ระวังมิจฉาชีพและผู้ไม่หวังดีที่อาจนำเอาอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกนี้มาใช้แบบผิดจุดประสงค์โดยนำเอา AirTag ไปติดไว้กับรถยนต์หรือแอบเอาใส่กระเป๋าของเหยื่อเพื่อสะกดรอยตามได้ !
โดย jeana jeana เจ้าของแอคเคาท์ @Sega_JEANAsis ได้ออกมาทวีตแบ่งปันประสบการณ์ว่าเธอถูกผู้ไม่หวังดีแอบเอา AirTag มาติดไว้ที่รถยนต์ในช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาตี 2 ที่เธอกำลังขับรถบนถนนโล่ง ๆ แต่แล้วก็พบกับข้อความแจ้งเตือนบน iPhone ของเธอว่า “AirTag Found Moving With You” (พบอุปกรณ์ AirTag กำลังเคลื่อนที่ไปพร้อม ๆ กับคุณ) และมีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า “The location of this AirTag can be seen by the owner” (ตำแหน่งของ AirTag จะสามารถตรวจสอบได้เฉพาะเจ้าของ AirTag เท่านั้น) โดยข้อความแจ้งเตือนดังกล่าวก็ปรากฎนานถึง 30 นาทีก่อนที่เธอจะตัดสินใจตามหา AirTag แปลกปลอมนั้นจนพบว่ามันติดอยู่กับกระบังล้อหน้าของรถยนต์และโยนทิ้งไป หลังจากนั้นเธอจึงได้ออกมาทวีตเตือนผู้ใช้คนอื่น ๆ ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจใช้งาน AirTag ผิดจุดประสงค์ในการใช้งาน
ภาพจาก : https://mashable.com/article/unwanted-apple-airtag-tracks-car
ซึ่งอุปกรณ์ AirTag ของ Apple นี้จะปรากฏข้อความแจ้งเตือนการตรวจจับสัญญาณของอุปกรณ์ AirTag แปลกปลอมบนแอปพลิเคชัน Find My ของผู้ใช้งาน iOS 14.5 ขึ้นไป ส่วนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในระบบ Android ก็สามารถรับการแจ้งเตือนเช่นกันได้หากมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน Tracker Detect (แอปพลิเคชันตรวจจับอุปกรณ์ Tracker) ไว้บนเครื่อง
ภาพจาก : https://www.extremetech.com/electronics/329853-turns-out-people-really-are-using-apple-airtags-to-track-and-steal-cars
ที่น่าสนใจคือทาง Apple ได้ “ขายของ” โดยเน้น “ความปลอดภัยของผู้ใช้” เป็นหลัก ดังนั้นจึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่าอุปกรณ์อย่าง AirTag ที่มีการปกปิดข้อมูลผู้ใช้งานนี้เอื้อประโยชน์ให้กับมิจฉาชีพไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเราไม่สามารถตามรอยและค้นหาเจ้าของ AirTag ปริศนาที่แอบเอามาหย่อนในกระเป๋าหรือติดไว้ที่รถของเราได้เนื่องจากมันมีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End จึงไม่สามารถนำเอาไปสืบหาตัวคนร้ายได้ แต่ในประเด็นนี้ทาง Apple ก็ออกมาระบุว่าถ้ามีหมายศาลออกมาก็สามารถตามสืบหา Serial Number เพื่อหาตัวเจ้าของ AirTag เครื่องนั้น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ AirTag ของ Apple เท่านั้นที่สามารถนำเอาไปใช้งานในการสะกดรอยตามเหยื่อได้ เพราะอุปกรณ์ Tracker ของค่ายอื่น ๆ เองก็ต้องระวังการนำเอาไปใช้งานแบบผิดจุกประสงค์ไม่แพ้กัน โชคยังดีที่ jeana jeana ใช้งาน iPhone ที่มีการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Find My จึงรู้ตัวว่ามี AirTag ติดอยู่ที่รถของเธอ เพราะหากเธอใช้งานสมาร์ทโฟน Android ที่ไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน Tracker Detect หรือมิจฉาชีพนำเอาอุปกรณ์ Tracker เจ้าอื่น ๆ มาติดไว้กับรถยนต์ของเธอก็คงจะไม่ทราบว่าตอนนี้ถูกสะกดรอยตามอยู่ก็เป็นได้
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |