เป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานสำหรับเรื่อง “สัดส่วนค่าธรรมเนียม” การชำระเงินภายในแอปพลิเคชันที่ทำให้บริษัทต่าง ๆ ได้จัดตั้ง Coalition of APP FAIRNESS เพื่อร่วมกันประท้วงและ เรียกร้องให้ทาง Apple ปรับกฎการทำงานและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบน App Store ใหม่ จนเป็นเรื่องใหญ่โตถึงกับมีการลบเกม Fortnite ของค่าย Epic ออกไปจาก App Store เลยทีเดียว
ซึ่งในเวลาต่อมาทาง Apple ก็ตัดสินใจปรับลดค่าธรรมเนียมการชำระเงินแบบ In-App Purchase ให้ Developer รายย่อยที่ทำรายได้ไม่ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32 ล้านบาท) ต่อปี โดยปรับลดลงครึ่งหนึ่งจาก 30% เหลือเพียง 15% เท่านั้น (หากมีรายได้เกินกว่าที่กำหนดไว้ก็จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 30% เท่าเดิม) และเช่นเดียวกัน ทาง Google ก็ได้ตามรอย Apple ด้วยการ ลดส่วนแบ่งบน Google Play Store ของตัวเองในอัตราที่เท่ากันด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องนี้คงไม่เป็นประเด็นน่าสนใจขึ้นมาหากว่าทาง Google ไม่ได้ร่างข้อตกลงลับ ๆ ในการ “ลดส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม” เป็นพิเศษเพื่อยื้อให้ทางบริษัท Netflix ยังคงใช้บริการ Google Play Billing หรือการชำระเงินผ่านบริการของ Google ที่ทางบริษัทจะได้ส่วนแบ่งราว 30% ต่อไปแทนที่จะอนุญาตให้ Developer ใช้งานระบบการจ่ายเงินของตนเองอย่างที่หลาย ๆ บริษัทต้องการ ในขณะที่แอปพลิเคชันเจ้าดังอื่น ๆ ที่มียอด Subscription สูงไม่แพ้กันอย่าง Spotify, Tinder และแอปพลิเคชันอื่น ๆ นั้นไม่ได้รับข้อตกลงที่เท่าเทียมกันนี้แต่อย่างใด
ภาพจาก : https://www.androidpolice.com/2021/08/30/google-allegedly-offered-netflix-a-sweetheart-deal-to-keep-using-the-play-stores-payment-system/
โดยจากข้อมูลภายในเอกสารที่หลุดออกมานั้นก็ได้ชี้ให้เห็นว่าว่าทาง Google ได้เสนอลดส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการชำระค่าบริการของ Netflix ผ่านบริการของ Google ลงจาก 30% เหลือเพียงแค่ 6% เท่านั้น !?
3 - #Google calculated could break even with a 6 percent commission fee on Play Store - compared to 30 percent
— Michael Acton (@MActon93) August 27, 2021
ถึงแม้ว่าตัวแทนของ Google จะออกมาประกาศว่า Developer ทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือตามข้อตกลงที่ทางบริษัทระบุเอาไว้ รวมไปถึงข้อตกลงในการชำระเงินต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกันด้วย เพราะทาง บริษัทได้ประเมินแล้วว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลดีกับทั้งทาง Google และ Developer ในทุกทาง และไม่มีบริษัทใดหรือเจ้าใดที่ได้สิทธิพิเศษมากไปกว่าบริษัทอื่น ๆ โดยในข้อตกลงการลงแอปพลิเคชันผ่าน Google Play Store นี้ก็ได้ระบุชัดว่าทาง Developer จะต้องไม่นำเอาข้อมูลผู้ใช้ที่ได้ผ่าน Google Play ไปเสนอขายหรือนำเอาข้อมูลของผู้ใช้ไปหาผลประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากการใช้งานบน Google Play
ภาพจาก : https://play.google.com/intl/ALL_uk/about/developer-distribution-agreement.html
นั่นแปลว่า Developer ทั้งหมดนั้นจะไม่สามารถข้ามขั้นตอนการจ่ายบิลผ่านบริการ Google Play Billing และเสนอให้ผู้ใช้ทำการจ่ายเงินซื้อบริการต่าง ๆ ภายในแอปพลิเคชันผ่านผู้พัฒนาโดยตรงได้ ถึงแม้ว่าทาง Google จะแถไปว่าระบบของ Android นั้นเปิดกว้างกว่าระบบอื่น ๆ เพราะผู้ใช้สามารถเลือกที่จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน Google Play Store หรือผ่านเว็บไซต์ของ Developer โดยตรงก็ได้ แต่ข้อตกลงระหว่าง Google กับ OEM ที่รับผลิตสมาร์ทโฟนต่าง ๆ นั้นก็ได้เอื้อประโยชน์ให้การดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store มากกว่าการใช้งาน Store อื่น ๆ อยู่ดี
นอกจากนี้แล้ว เมื่อมีเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาก็ทำให้ผู้พัฒนาหลาย ๆ เจ้าเกิดความไม่พอใจขึ้นมาว่าทาง Google ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่จะต้องกำหนดเปอร์เซนต์ส่วนแบ่งเป็น 15% และ 30% นอกจากว่าจะลอกการบ้านของ Apple เท่านั้น คาดว่าเราน่าจะต้องรอดูในประเด็นเรื่องนี้กันต่อไปว่าทาง Google จะยอมปรับลดส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมลงหรือไม่
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |