หลังจากวางจำหน่าย Xiaomi Mi 11 ในไทยไปไม่ทันไร ทาง Xiaomi Global ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ให้ได้ว้าวกันอีกสักรอบ ซึ่งคราวนี้เปิดตัวสมาร์ทโฟนพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ Xiaomi Mi 11 Ultra, Xiaomi Mi 11 Pro และ Xiaomi Mi 11 Lite 5G
เริ่มด้วยสมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 11 Pro ที่ชูดจุดเด่นทั้งกล้องถ่ายภาพที่หน้าตาคล้าย Mi 11 แต่ได้ความละเอียดที่เปลี่ยนแปลง, ตัวเครื่องกันน้ำระดับ IP68 บางเพียง 8.5 มิลลิเมตร แต่ยังใส่แบตเตอรี่ 5,000 mAh เข้าไปได้
หน้าจอของ Xiaomi Mi 11 Pro ยังคงใช้กระจกโค้งด้านหน้าและตัวเครื่องแบบโค้งด้านหลัง ใช้หน้าจอแบบ AMOLED 6.81 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz แสดงผล HDR 10+ ได้ และยังรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision เป็นรุ่นแรกของเสียวหมี่ ทำให้ภาพบนหน้าจอมีสีสันสดใสสมจริง
เรื่องระบบประมวลผล แน่นอนว่ายังคงใช้ชิป Qaulcomm Snapdragon 888 แบบ Mi 11 รุ่นแรก RAM 8/12 GB และความจุ 128/256 GB ระบบปฏิบัติการ Android 11 และอินเตอร์เฟซ MIUI 12.5 ซึ่งในงานเปิดตัวได้อธิบายถึงระบบทำความเย็น ระบายความร้อนแบบใหม่ ที่ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนมากแม้จะเล่นเกมนัก ๆ ซึ่งที่เสียวหมี่ทดสอบโดยการเล่นเกม Genshin Impact นาน 30 นาที พบว่าอุณหภูมิตัวเครื่องอยู่ที่ 49.3 องศาเซลเซียส
ส่วนกล้องถ่ายภาพของ Xiaomi Mi 11 Pro เลือกใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL GN2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดเซนเซอร์รับภาพที่ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยี Dual Pixel Pro และ Dual Native ISO Fusion เป็นรุ่นแรก ช่วยให้การโฟกัสภาพในที่แสงน้อยรวดเร็วยิ่งขึ้น ถัดมา เป็นเลนส์ periscope telephoto 8 ล้านพิกเซล ซูมออพติคอลได้ 5 เท่า ซูมดิจิตอล 50 เท่า และเลนส์ Ultrawide 13 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K และวิดีโอ Slow-Motion แบบ Full HD 1080p
ความพิเศษของ Mi 11 Pro ยังมีอีกมากมาย ทั้งตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68, แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 67 W ทั้งแบบผ่านสายชาร์จและไร้สาย ชาร์จแบตเตอรี่เต็มภายใน 36 นาที, ลำโพงสเตอริโอจาก HARMAN-KARDON ฯลฯ
Xiaomi Mi 11 Ultra สร้างจุดเด่นเป็นบรรทัดฐานใหม่ ด้วยหน้าจอที่ 2 บริเวณเลนส์กล้องหลัง สำหรับใช้เซลฟี่และแสดงผลบางอย่าง เช่น สายเข้า อุณหภูมิอากาศ ระดับแบตเตอรี่ และยังเปลี่ยนมาใช้เฉพาะหน้าจอนี้อย่างเดียวเพื่อเพิ่มเวลา Stand by สูงสุดถึง 55 ชั่วโมงได้ ส่วนหน้าจอหลักเป็นแบบ AMOLED 6.8 นิ้ว ความละเอียด QHD+ อัตรารีเฟรชเรต 120 Hz และยังรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Atmos ที่แสดงภาพคมชัด สีสันสมจริง ส่วนพลังเสียงจากรุ่นนี้ก็มาจากลำโพงสเตอริโอของ HARMAN-KARDON
Xiaomi Mi 11 Ultra มีกล้องหลัง 3 เลนส์ ทั้งเลนส์ Wide ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลพร้อมระบบกันสั่น OIS, เลนส์ periscope telephoto 48 ล้านพิกเซล ซูมไกลแบบออพติคอลได้ 5 เท่า ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 120 เท่า และเลนส์ Ultrawide 48 ล้านพิกเซล ซึ่งภาพที่ได้จากกล้องของ Mi 11 Ultra กลายเป็นอันดับ 1 แห่งเว็บไซต์ DxOMark ไปเรียบร้อย ด้วยคะแนน 143 คะแนน
แน่นอนว่าแบตเตอรี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ Xiaomi ส่งนวัตกรรมระดับสุดยอดมาให้ ทั้งความจุ 5,000 mAh และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67 W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ชาร์จไฟด้วยสายและอะแดปเตอร์จาก 0 ถึง 100% ได้ภายใน 36 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ Xiaomi Mi 11 Ultra ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้คุณสมบัติกันน้ำระดับ IP68 จากเดิมที่สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ไม่เคยทำตัวเครื่องกันน้ำเลย ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Ceramic White และสีดำ Ceramic Black ซึ่งรุ่นนี้มีจุดเด่นที่แถบกล้องหลังขนาดใหญ่พร้อมหน้าจอนั่นเอง
ส่วนรุ่นน้องเล็กอย่าง Mi 11 Lite และ Mi 11 Lite 5G นั้น มีจุดเด่นอย่างตัวเครื่องสีสันน่ารัก ๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งเสียวหมี่เปิดตัวทั้งรุ่น LTE และรุ่น 5G พร้อมกัน โดยทั้งสองรุ่นมีขนาดตัวเครื่องเท่ากัน, หน้าจอแสดงผล AMOLED 6.55 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรต 90 Hz, กล้องหลัง 3 เลนส์ชุดเดียวกัน, แบตเตอรี่ 4,250 mAh เท่ากัน ส่วนการเชื่อมต่อ ชิปเซ็ต ความจุเครื่อง และความละเอียดกล้องหน้านั้นแตกต่างกัน
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |