มีการรายงานว่าทาง Huawei ได้จับมือกับ Megvii บริษัท Start-up ที่พัฒนาเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับใบหน้า (Facial Recognition) ของ “ชาวอุยกร์” ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนไปยังตำรวจเพื่อดำเนินการติดตามและเข้าจับกุมเพื่อส่งตัวให้รัฐบาลจีนได้
โดย ชาวอุยกูร์ นี้เป็นชนกลุ่มมุสลิมเชื้อสายตรุกีที่อาศัยอยู่ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนที่ตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีนในการ “ปราบปรามทางการเมือง” อย่างรุนแรง เนื่องจากต้องการที่จะแยกตัวออกไปตั้งสาธารณรัฐเป็นของตนเองที่ไม่ขึ้นตรงกับประเทศจีน ซึ่งจากรายงานที่ผ่านมาก็พบว่าในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) มีชาวอุยกูร์กว่า 1 ล้านคนถูกเกณฑ์ไปยังค่ายกักกันภายในมณฑลซินเจียง (Xinjiang) เพื่อใช้แรงงานอย่างหนักและมีการทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ซึ่งการรายงานในครั้งนี้ได้แนบเอกสารชี้แจงที่ทางบริษัท Huawei ได้พูดคุยและตกลงกับ Megvii ในการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าพร้อมกันด้วย โดยภายในตัวเอกสารได้มีการระบุถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าของ Megvii ที่ทาง Huawei ให้การรับรองว่าผ่านเกณฑ์การทดสอบของบริษัท ทั้งฟังก์ชัน “Uyghur Alarm” หรือการตรวจจับใบหน้าของชาวอุยกูร์ ที่รองรับการตรวจจับอายุ, เพศ, ชาติพันธุ์ และใบหน้าได้ โดยเอกสารนี้ผ่านการรับรองจากรัฐบาลจีนแล้วด้วย
ภาพจาก : https://ipvm.com/reports/huawei-megvii-uygur.html
ไม่เพียงเท่านั้น ทาง IPVM (หน่วยงานเฝ้าระวังและตรวจสอบวิดีโอระดับโลก) ยังชี้อีกว่านอกจาก Huawei แล้ว รัฐบาลจีนก็ได้อนุมัติการใช้งานเทคโนโลยี “ตรวจจับชาวอุยกูร์” นี้กับทางบริษัทผลิตและพัฒนากล้อง CCTV อย่าง HIK Vision, Dahua และ Uniview อีกด้วย
และหลังจากที่มีการลงข่าวนี้ Huawei ก็ได้ออกมาชี้แจงว่ารายงานนี้เป็นเพียงแค่ การทดสอบ ที่ไม่ได้นำเอามาใช้งานจริง (Not seen real-world application) อีกทั้งทางบริษัทก็ได้ดำเนินการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้กฎหมายของทุกประเทศที่ทำงานร่วมกันตามมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ซอฟต์แวร์ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ “ถูกกฎหมาย” ในประเทศจีน ซึ่งเมื่อถามจี้ลงลึกไปในประเด็นนี้ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จาก Huawei รวมทั้งยังลบเอกสารดังกล่าวออกจากหน้าเว็บไซต์ของตนเองด้วย
ภาพจาก : https://ipvm.com/reports/huawei-megvii-uygur.html
ส่วน Megvii ก็ได้คำตอบกลับมาว่าทางบริษัทไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อโจมตีหรือตรวจจับกลุ่มชาติพันธุ์ใดๆ และเป้าหมายของบริษัทก็มุ่งไปที่การยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้เท่านั้น
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |