หลังเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิปเซ็ตของ Apple อย่าง M1 ภายในงาน Apple Event ไปถึง 3 รุ่นด้วยกัน ทั้ง MacBook Pro 13, MacBook Air และ Mac mini พร้อมเคาะราคาแล้วเป็นที่เรียบร้อย (แต่ยังไม่เปิดให้สั่งซื้อกันแต่อย่างใด)
ทาง Apple เองก็ได้ปล่อยระบบปฏิบัติการของ macOS รุ่นที่ 11 อย่าง Big Sur ออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปเดตมาใช้งานกันได้อย่างเป็นทางการแล้วหลังจากที่เปิดให้ทดลองใช้แบบ Public Beta มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ในส่วนของฟีเจอร์บน macOS Big Sur นี้ก็คล้ายคลึงกับในเวอร์ชัน Beta คือ ปรับหน้าแสดงผล UI ใหม่ ทั้งการปรับ Menu Bar ให้โปร่งแสงและปรับสีสันให้กลืนไปกับการใช้งาน Background รูปแบบต่างๆ ของผู้ใช้, เปลี่ยนรูปแบบไอคอนให้มีมิติและคล้ายคลึงกับไอคอนบน iOS มากยิ่งขึ้น
ภาพจาก : https://techcrunch.com/2020/11/12/macos-big-sur-is-now-available/
เพิ่ม Control Center ด้านมุมขวาของหน้าจอที่ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้คล้ายกับการใช้ Control Center บน iOS ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดการใช้งาน Wi-Fi, Bluetooth หรือ Airdrop รวมทั้งยังสามารถจัดการปรับความสว่างของหน้าจอ, เพิ่ม-ลดเสียง, เปิดใช้ฟีเจอร์ Do Not Disturb และสามารถตั้งค่าการใช้งานเมนูบน Control Center ได้ตามต้องการ
ภาพจาก : https://techcrunch.com/2020/11/12/macos-big-sur-is-now-available/
การปรับแต่งหน้า Notification Center ได้ทั้งการย่อ-ขยายขนาดแถบการแจ้งเตือน, จัดการ Widgets, สร้าง Shortcuts เมนูต่างๆ รวมทั้งยังสามารถตอบกลับข้อความ หรือกดฟังเพลงใหม่ที่ต้องการจากแถบการแจ้งเตือนนี้ได้ (คล้ายกับการใช้งานบน iOS)
ภาพจาก : https://techcrunch.com/2020/11/12/macos-big-sur-is-now-available/
ปรับแต่งหน้าแรกของ Safari ได้ตามใจผู้ใช้ โดยสามารถเลือกการแสดงผลเมนู Shortcuts ต่างๆ ในหน้าแรกได้ทั้งเว็บไซต์ที่ตั้งไว้เป็น Favorite, เว็บไซต์ที่เข้าชมบ่อย, รายงานความปลอดภัยการใช้งานเว็บไซต์ (Privacy Report), เว็บไซต์ที่ Siri แนะนำ, ลิสต์ที่จัดเก็บไว้, แท็บ iCloud และการตั้งค่าภาพพื้นหลังบนหน้าแรกของ Safari
ภาพจาก : https://www.apple.com/macos/big-sur/
และยังเพิ่ม อัปเกรดการแปลภาษา บนเว็บไซต์ต่างๆ ได้สูงสุดถึง 7 ภาษา (อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน, บราซิล(โปรตุเกส), รัสเซีย และจีน ส่วนอีก 4 ภาษาที่เหลือยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองใช้อยู่) นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลด Extension จาก App Store มาใช้งานบน Safari ได้อีกด้วย
ภาพจาก : https://techcrunch.com/2020/11/12/macos-big-sur-is-now-available/
อัปเดตการใช้งาน Apple Maps ทั้งการเพิ่มฟีเจอร์ Look Around (คล้ายกับ Google Street View), แผนที่ภายในอาคาร (Indoor Maps), จุดชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle Routing), เส้นทางจักรยาน (Cycling Routes) และเพิ่มการเตือนจุดหนาแน่นของการใช้ถนนในเมืองใหญ่
ภาพจาก : https://www.apple.com/macos/big-sur/
ส่วนฟีเจอร์ที่เพิ่มมานอกเหนือจากที่ได้เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชัน Beta ก็มีทั้งการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน แจ้งการใช้ข้อมูลของแอปพลิเคชันนั้นๆ อย่างละเอียดเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้งาน
ภาพจาก : https://www.apple.com/macos/big-sur/
การค้นหาแบบ Quick Look บน Spotlight ที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำที่ต้องการในช่องการค้นหาเพื่อเรียกใช้และแก้ไขไฟล์โดยไม่จำเป็นต้องกดเปิดไฟล์นั้นๆ ขึ้นมาได้ และเชื่อมโยงการค้นหาเข้ากับ Safari, Keynote หรือ Page
ภาพจาก : https://gizmodo.com/11-things-you-can-do-in-macos-big-sur-that-you-couldnt-1844994665
การใช้งานแอปพลิเคชัน Message ที่คล้ายกับบน iOS มากขึ้น คือ ผู้ใช้สามารถเพิ่มการปักหมุดบทสนทนา, เมนชันตอบกลับข้อความ (@), ส่งรูป GIF และสร้าง Memoji เองได้
ภาพจาก : https://techcrunch.com/2020/11/12/macos-big-sur-is-now-available/ และ https://www.apple.com/macos/big-sur/
เพิ่มการแก้ไขรูปภาพใน Photos เช่น การปรับแสง, ลด Noise, ตัดวิดีโอ (Crop), และเพิ่มเครื่องมือการรีทัชรูปภาพเบื้องต้นเข้ามาให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานกันได้
ภาพจาก : https://gizmodo.com/11-things-you-can-do-in-macos-big-sur-that-you-couldnt-1844994665
นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเปลี่ยนเสียงภายในระบบของ macOS ใหม่อีกด้วย ส่วนผู้ที่สนใจฟีเจอร์อื่นๆ ของ macOS Big Sur นอกเหนือจากนี้ก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมอย่างละเอียดได้บนเว็บไซต์ของ Apple (https://www.apple.com/macos/big-sur/features/)
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |