Facebook เพิ่ม Voting Information Center และฟีเจอร์ปิดการโฆษณาเลือกตั้งในอเมริกา

วันเลือกตั้ง (Election Day) ของสหรัฐอเมริกาปีนี้ (วันที่ 3 พฤศจิกายน) จะแตกต่างออกไปจากเดิม เพราะ Mark Zuckerburg ได้ออกมาประกาศเขาจะส่งเสริมการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยการเพิ่ม “Voting Information Center” หรือศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวกับการเลือกตั้งมากขึ้นจากเดิมโดยจะสามารถเลือกติดตาม (Follow) ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้

ในส่วนของผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (Register to Vote) ภายใน Facebook ก็จะมีกล่องเตือนในหน้าฟีดแนะนำให้ลงทะเบียนการใช้สิทธิ และมีกล่องการนับจำนวนผู้ลงทะเบียนอยู่บริเวณด้านล่างอีกด้วย

ภาพจาก : https://about.fb.com/news/2020/06/voting-information-center/

เป้าหมายในปีนี้ทางบริษัทคาดหวังว่าชาวอเมริกันราว 4 ล้านคนจะเลือกลงทะเบียนการใช้สิทธิผ่าน Facebook (มากกว่าสองปีก่อนเท่าตัวหนึ่ง) เพราะเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ก็ทำให้หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาจำต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งไปเป็นการเลือกผ่านไปรษณีย์แทน ดังนั้น Voting Information Center ของ Facebook ก็น่าจะมาช่วยเติมเต็มการโปรโมตนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากขึ้น

และเนื่องจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้จะเห็นได้ว่าผู้คนนิยมรับข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าแพลทฟอร์มอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด และ Facebook เองก็เป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นการ ปรับรูปแบบการหาเสียง ใหม่ก็น่าจะทำให้นักการเมืองสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นจากเดิม

แต่สำหรับผู้ที่มีพรรคการเมืองในใจแล้วอาจรู้สึกรำคาญกับโฆษณาการหาเสียงใน Facebook อยู่ไม่น้อย ดังนั้นทางบริษัทจึงได้ปรับปรุงการจัดการหน้าการโฆษณาใหม่ให้ผู้ใช้สามารถ “เลือกปิดการโฆษณาหาเสียง” ได้ โดยสามารถเลือกปิดได้ทั้งจากตัวโฆษณาที่ปรากฎในหน้าฟีด หรือไปที่ Setting > Ads > Ad Preferences > Ad Topics > และเลือกที่ Social Issues, Elections or Politics

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ “ปิดการโฆษณา” นี้ก็ไม่สามารถป้องกันการโฆษณาได้ทั้งหมด เพียงแต่ผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่าจะเห็นโฆษณาในหัวข้อนั้นๆ น้อยลงจากเดิม มากกว่า ซึ่งสำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเองก็สามารถเลือกปิดหัวข้อการโฆษณาที่ไม่ต้องการจะเห็นในหน้าฟีดได้จากเมนูนี้ได้เช่นกัน