ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ข่าวไอที
 

คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มที่ Smart Home

คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มที่ Smart Home

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,646
เขียนโดย :
0 %E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88+Smart+Home
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มที่ Smart Home

ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตในสังคมที่ใช้เทคโนโลยี จนกลายเป็นปัจจัยที่ 6 ในการดำรงชีวิตจนขาดไม่ได้ไปแล้ว เมื่อการมาของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น ระบบหนึ่งที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดคือ Smart Home มาดูกันครับว่า Smart Home ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นยังไง

Smart Home คืออะไร

Smart Home หรือ Home Automation ชื่อนี้เราคงได้ยินกันมาสักพัก มันคือชื่อเรียกของ อุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยให้ผู้อาศัยในบ้านมีความสะดวกมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน สามารถควบคุมผ่าน Smartphone หรืออุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียง เป็นส่วนหนึ่งของระบบ IoT (Internet of Things) โดยอุปกรณ์สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน มีหลากหลายความสามารถทั้งระบบไฟที่ไม่ใช่แค่สว่างเองเมื่อถึงเวลาฟ้ามืด ประตูบ้านหรือประตูรั้วที่เปิดให้คนในบ้านเข้าเท่านั้น ตู้เย็นที่คอยเตือนให้เราว่าอะไรจะหมด ระบบกันขโมยที่คอยระวังทรัพย์สินภายในบ้าน หรือ ลำโพงที่รับคำสั่งเสียงเพื่อให้อุปกรณ์ในบ้านทุกอย่างทำงาน ทั้งเปิดทีวี เปิดแอร์ เปิดไฟ หรือสั่งข้อความเสียงให้เปิดหรือปิดตามเวลาที่ตั้งไว้

โดยสมัยก่อนตัวอุปกรณ์ถูกควบคุมโดยสัญญาณวิทยุ (120 Khz) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีอยู่ในสมัยนั้น (เรียกว่า Home Automation) เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อก็เปลี่ยนไป เป็นระบบอินเทอร์เน็ตในที่สุด (IoT)

คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มที่ Smart Home

ประโยชน์ของ Smart Home

ประโยชน์ที่เห็นชัดเจนที่สุดของ Smart Home น่าจะเป็นระบบกันขโมยเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการดูแลบ้านไม่ให้เกิดการสูญหายจากผู้ไม่หวังดี อีกทั้งสามารถความคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอย่างเต็มที่ เช่น เครื่องปิ้งขนมปังที่ลืมเสียบไว้ ปั๊มน้ำที่ลืมปิดหลังจากใช้เสร็จ ไฟในบ้านที่สามารถสั่งเปิดจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้

ระบบ Smart Home นอกจากจะสะดวกสบายในการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านแล้ว ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (ทรัพยากรในที่นี้คือ ไฟฟ้า น้ำ ความร้อน ความเย็น) เช่น สามารถปรับอุณหภูมิในห้องให้พร้อมเมื่อคุณเดินทางถึงบ้าน หรือช่วยดูแลสนามหญ้า ให้สวยงามอยู่เสมอไม่ต้องกังวลว่า น้ำที่รดต้นไม้จะมากหรือน้อยเกินไป ระบบจะรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ต้องคิดว่าพอฝนตกแล้วต้องรดน้ำเพิ่มหรือไม่ ด้วยระบบวัดความชื้นในดินซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการใช้งานได้เต็มที่ ผลที่ได้ต่อมาคือประหยัดเงินในกระเป๋าคุณอีกด้วย

การทำงานของระบบต้องการอะไรบ้าง

การทำงานของระบบ Smart Home ให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ อุปกรณ์ทั้งหมด จะต้องเชื่อมต่อกัน และทำงานโดยใช้ศูนย์กลางควบคุมตัวเดียวกัน ซึ่งระบบดังกล่าวในโลกนี้ก็มีหลายเจ้าที่มีสินค้าและบริการ ใครจะนำระบบ Smart Home มาใช้ก็สามารถเลือกอุปกรณ์จากหลายๆ ยี่ห้อ แต่ขอให้ดูเรื่องหนึ่งคือ อุปกรณ์ Smart Home ต้องสามารถทำงานได้บนมาตรฐานเดียวกัน ซื้อมาใช้แล้วเชื่อมกันไม่ได้ ลำบากตอนใช้มากๆ เลยครับ เรื่องนี้ระวังให้ดี

อีกเรื่องที่สำคัญคือการเชื่อมต่อระบบการทำงาน ในปัจจุบัน คงไม่พ้นเรื่องของ Internet ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการใช้งาน Smart Home เพราะถ้าไม่มี เราคงสั่งงานจาก Smartphone หรือ Web Service ที่มีให้บริการไม่ได้แน่นอน

คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มที่ Smart Home

ก้าวต่อไปของ Smart Home คือ AIoT

เมื่ออุปกรณ์ IoT ที่ทำงานร่วมกันให้เกิดระบบ Smart Home แต่การสั่งงานส่วนใหญ่มาจากความต้องการของผู้อยู่อาศัยจริงๆ แต่ก้าวต่อไปคือการนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลที่สัมพันธ์กันเพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด (Optimize Solution) งานนี้บอกเลยว่า ทันสมัยสุดๆ โดยการนำ AI มารวมกับ IoT ทำให้เกิดคำใหม่ AIoT (Artificial Intelligence of Things) เป็นคำใหม่ที่เพึ่งเกิดมาปลายปี 2018 นี้เอง

ในมุมของ Smart Home ตัวระบบ AIoT จะเข้ามาเรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยแบบเป็นคนๆ เช่น เจ้าของบ้านชอบเพลงอะไร และจะเปิดเมื่อไหร่ ปิดปั๊มน้ำตอนกี่โมง ลูกชายชอบเปิดม่านตอนตื่นไหมชอบอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่กี่องศา พร้อมปรับค่าให้พร้อมและพอเหมาะกับคนที่อยู่ในบ้านได้ทันที แถมคุยกับคนในบ้าน ปรับค่าทุกอย่างให้เองโดยเข้าใจคนในบ้านทุกคนโดยทันที โดยเราไม่ต้องสั่งอะไรทั้งสิ้น เหมือนมีพ่อบ้านคอยบริการ อีกทั้งทำงานร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เช่น ประกาศซ่อมท่อน้ำจะไม่ไหลระบบจะสำรองน้ำให้พอใช้กับคนในบ้านเอง ประกาศฝนตกพายุเข้า ระบบรดน้ำต้นไม้จะหยุดทำงานเอง เรียกช่างซ่อมท่อน้ำให้เมื่อมีท่อแตกในบ้าน เรียกช่างล้างแอร์เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เพราะข้อมูลที่ AI นำมาวิเคราะห์จาก Big Dataทำให้คาดคะเน การกระทำของบ้านในอนาคตอีกด้วย

การเลือกใช้เทคโนโลยี ให้เหมาะกับการใช้งานเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น ผู้ใช้ควรดูความต้องการของตนเองเป็นหลัก ว่ามีความต้องการให้ระบบสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยอาจจะเริ่มศึกษาของที่มีขายตามห้าง-ร้านต่างๆ ว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง จึงค่อยมาเขียนผังงานระบบให้ทำงานอีกที ระบบที่นำมาใช้จะได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง


ที่มา : internetofthingsagenda.techtarget.com

0 %E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88+Smart+Home
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
Review...Every thing
 
 
 

ข่าวไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น