ผู้นำโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย (California) ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวคนไร้บ้าน แถมบังคับพวกเขาให้ออกไปนั่งขอทานทั้งวันจากนั้นก็นำเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าตนเอง
ทำไมถึงเกิดเหตุเช่นนี้ นั่นเพราะว่า ผู้ร้าย (ติดยา) ในคราบบาทหลวง ใช้วิธีหลอกผู้คนไร้บ้านโดยให้คำมั่นสัญญากับพวกเขาว่า
"เราจะให้ที่นอนอุ่นๆ และ อาหารให้แก่พวกคุณ"
แต่ที่แท้จริงแล้วมันเป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น เพราะหลังจากที่ผู้คนไร้บ้านหลงคำเชื่อเหล่านั้น พวกผู้นำก็ได้จัดการยึดสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลเหล่านั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอกสารส่วนตัว, บัตรประจำตัว, บัตรสวัสดิการ หรือ อะไรก็ตามที่สามารถระบุตัวตนของพวกเขาได้ แม้กระทั่งอิสระภาพที่พวกเขามีก็ถูกชิงไป
และถ้าหากพวกเขาปริปากบอกเรื่องนี้แก่ผู้คนภายนอก พวกเขาจะถูกลงโทษ
จนเป็นเหตุทำให้คนไร้บ้านกว่า 10 คน ต้องยอมจำนนโดยไร้ข้อโต้แย้ง พวกเขาไม่สามารถมีปากมีเสียง หรือทำอะไรได้ เหยื่อทั้งหมดถูกขังรวมกันในบ้าน และ ถูกบังคับให้ออกไปนั่งขอทานเป็นเวลากว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน, ทำ 6 วัน ต่อสัปดาห์
พวกเขาถูกห้ามไม่ให้ใช้มือถือ และ ห้ามติดต่อครอบครัว นั่นเพราะบาทหลวงบอกพวกเขาว่า ไม่มีใครรักพวกคุณมีเพียงแค่ "พระเจ้า" เท่านั้น ที่รักพวกคุณในตอนนี้
ส่วนสิ่งอื่นที่ทำได้นอกจากนั้นมีเพียง "นั่งอ่านคัมภีร์ไบเบิล" ได้แค่นั้น หากใครคนใดฝ่าฝืนกฏ คิดจะหนี หรือ ออกไปขอความช่วยเหลือจากผู้คนภายนอก พวกเขาจะถูกลงโทษ โดยการ ไม่ให้อาหาร ไม่ให้เงิน และถ้าพวกร้องขอออกจากที่แห่งนี้ พวกเขาจะถูกแย่งลูกจากพวกเขาไป (สำหรับคนที่มีลูกมาด้วย)
–
สุดท้ายเป็นอย่างไร?
ผู้ร้ายในคราบบาทหลวงนั้นถูกจำกุมกันเป็นที่เรียบร้อย จากรายงานเหตุการณ์ครั้งนี้ผู้นำบาทหลวงไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ดำเนินการกันเป็นกลุ่ม จนไม่แปลกว่าจะมีอำนาจบังคับคนได้ถึงเพียงนี้
ส่วนเหล่าผู้คนไร้บ้านที่ตกเป็นเหยื่อได้รับการยืนยันตัวตนและเอกสารของตัวเองกลับมา ตอนนี้พวกเขาปลอดภัยดีและยังมีการช่วยเหลือรองรับพวกเขาหลังจากนี้ โชคดีที่กลุ่มคนร้ายถูกจับและผู้เคราะห์ร้ายก็เป็นอิสระจากกลุ่มคนพวกนี้ หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดีต่อจากนี้และขออย่าได้เจออะไรแบบนี้อีกเลย
ขอบคุณวิดีโอจาก : www.trtworld.com
|
It was just an ordinary day. |