ผู้เขียนเชื่อว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่ในวัยทำงาน เติบโตมาพร้อมกับจอมอนิเตอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่จอคอมฯ แบบเป็นตู้หนักๆ ตัวใหญ่ๆ มาจนถึงปัจจุบันที่เป็นจอแสดงผลแบบบางเฉียบพร้อมด้วยฟีเจอร์ต่างๆ แบบครบครัน แต่เชื่อไหมว่าจอทุกจอไม่ได้ตอบสนองความต้องการในการเล่นเกมส์ได้ดีเสมอไป ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่นักกีฬาอีสปอร์ตที่ต้องการประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ที่สูงที่สุด แต่กระนั้น ฟังก์ชั่นบางอย่างในจอมอนิเตอร์ในปัจจุบันก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เกมเมอร์ควรให้ความสำคัญ เพราะมันเกี่ยวพันไปถึงการแพ้ชนะในเกมส์ได้เลยทีเดียว
จอเกมมิ่ง หรือ Gaming Monitor คือจอที่ผู้ผลิตหลายราย เช่น LG ได้ออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นค่า Refresh Rate ที่สูง (จะกล่าวถึงในข้อถัดไป) ค่าเวลาการตอบสนอง การแสดงผลสีต่างๆ ให้เหมาะสมกับประเภทเกมส์ ความละเอียดในการแสดงผล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีความแตกต่างกับจอภาพที่ใช้เพียงแค่ทำงานเอกสารต่างๆ ทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องเน้นประสิทธิภาพอะไรมากมาย เพียงแค่มันสามารถแสดงภาพออกจอได้ก็เป็นอันใช้ได้
เราอาจเคยคิดว่าจอเล่นเกมส์นั้นยิ่งใหญ่ยิ่งดี แต่รู้ไหมว่ากับเกมส์บางประเภทนั้น ขนาดของจอที่ใหญ่จนเกินไปอาจเป็นผลเสียร้ายแรงกับการเล่นเกมส์แทน เช่น เกมส์ประเภท First-Person Shooting หรือ FPS (เกมส์ยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) ที่ต้องอาศัยการกวาดสายตาและความเร็วในการตอบสนองสูง ถ้าหน้าจอมีขนาดที่ใหญ่เกินไปจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างทั่วถึงและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ซึ่งขนาดจอที่เหมาะสมกับการเล่นเกมส์จะอยู่ระหว่าง 21 นิ้ว ขึ้นไป (ตามความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน) เพราะจะทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
รีเฟรชเรทนั้นเป็นค่าที่แสดงถึงการแสดงผลภาพนิ่งว่าสามารถส่งภาพได้กี่ภาพ ภายในเวลา 1 วินาที (หน่วยเป็นเฟรมต่อวินาที หรือ Frame Per Second ในชื่อหน่วยย่อว่า fps) อ้างอิงจากการทำงานของจอภาพที่ต้องใช้การประมวลผลและส่งภาพขึ้นหลายๆ เฟรมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งสามารถส่งได้หลายภาพต่อวินาทีมากเท่าไหร่ การรับชมวิดีโอหรือภาพที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องก็จะยิ่งมีความลื่นไหลสบายตามากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น กับเกมส์บางเกมส์ที่ค่า fps มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเช่น Counter Strike: Global Offensive และ Rainbow Six: Siege การที่มีจอภาพที่มีรีเฟรชเรทสูงกว่าฝ่ายตรงข้าม จะทำให้ได้เปรียบเป็นอย่างยิ่งทั้งในการเล่นและการแข่งขัน เพราะในขณะที่ฝั่งตรงข้ามยังเห็นขอบกำแพงที่ว่างเปล่าอยู่ ในความเป็นจริงคือตัวเราโผล่ออกไปยิงแล้วเพราะการส่งภาพขึ้นต่อ 1 วินาทีนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง โดยจอเกมมิ่งที่นิยมในปัจจุบันนั้นจะอยู่ที่ 120 Hz ขึ้นไป
Response Time หรือเวลาการตอบสนองนั้นหมายถึงเวลาที่จอมอนิเตอร์ของเราจะต้องประมวลผลเพื่อเปลี่ยนสีจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วจะวัดโดยการเปลี่ยนจากสีดำไปสีขาวแล้วกลับมาสีดำอีกครั้ง โดยใช้เวลาวัดเป็นหน่วยมิลลิวินาที (ms = millisecond) ซึ่งค่านี้จะแตกต่างจาก Refresh Rate เพราะ Response Time นั้นยิ่งมีค่านี้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ค่า Refresh Rate นั้นยิ่งสูงยิ่งดี โดยค่า Response Time ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมส์นั้นจะอยู่ระหว่าง 1 - 5 ms
ถึงแม้จอเกมมิ่งจะมีคุณสมบัติที่กล่าวมาด้านบนอย่างครบถ้วนแล้วก็ใช่ว่าจะเพียงพอเสมอไป บางครั้งเกมเมอร์อย่างเราๆ ก็ต้องการอะไรที่ทำให้ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมส์ที่ดีที่สุดในการเล่นแต่ละครั้ง ดังเช่นฟีเจอร์พิเศษในจอเกมมิ่งตระกูล LG UltraGear™ ที่จะช่วยให้ผู้เล่นได้เปรียบในการปะทะมากขึ้น เช่น
ฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น อาจไม่ได้มีไว้ให้ในจอเกมมิ่งเสมอไปในทุกยี่ห้อ แต่สำหรับ LG UltraGear™ รุ่น 24GL600F-B นั้น จะมีฟีเจอร์ทั้งหมดไว้ให้คุณอย่างครบถ้วน ด้วยอัตรารีเฟรชที่ 144Hz และเวลาตอบสนองเพียง 1ms พร้อมฟังก์ชั่นลดการหน่วงเวลาด้วย Dynamic Action Sync ที่จะช่วยให้คุณสามารถเล่นเกมส์ที่ต้องมีการตัดสินใจอย่างฉับพลันทันทีได้อย่างเต็มที่ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยที่สุดเช่น ตามมุมฉาก มุมห้อง ได้ดีอีกด้วย
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |