ย้อนไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Google ได้ประกาศว่าจะปรับปรุงระบบการทำงานของส่วนขยาย (Extension) ด้วยระบบ API ใหม่ที่มีชื่อว่า Manifest V3 ซึ่งมันมีผลกระทบต่อขั้นตอนการทำงานของส่วนขยายแบบ AdBlock อย่างเต็มๆ ให้ไม่สามารถทำงานปิดกั้นโฆษณาได้อย่างสมบูรณ์ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ news.thaiware.com/15652.html)
ด้วย Manifest V3 ทาง Google ยกเลิกความสามารถของ webRequest API ในการปิดร้องคำขอที่กำหนดก่อนที่จะเริ่มดาวน์โหลด ซึ่งทำให้เหล่าผู้ใช้ และนักพัฒนาส่วนขยายออกมาโวยวายว่า Google ต้องการจำกัดอำนาจของผู้ใช้ในการเห็นเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการเห็นระหว่างการท่องเว็บไซต์
ซึ่งทาง Google ก็ได้ออกมาตอบโต้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใน Community ของนักพัฒนา โดยการเปิดเผยรายละเอียดของการทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตามมีประโยคหนึ่งที่น่าสนใจ คือ
Chrome ยกเลิกความสามารถในการปิดกั้นของ webRequest API เฉพาะบางส่วนใน Manifest V3 เท่านั้น (แม้ webRequest API จะยังใช้งานได้เหมือนเดิมทั้งหมดในระดับ Enterprise deployments)
จากประโยคดังกล่าว เราสามารถกล่าวได้ว่า Chrome ยังคงสามารถปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่ต้องการได้เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเฉพาะผู้ใช้งานแบบ Enterprise เท่านั้น (ต้องเสียค่าบริการ เริ่มต้นประมาณปีละ $50 ต่อเครื่อง ต่อปี) ที่ทำได้
หากมองในแง่ของธุรกิจแล้ว มันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะ Google เองก็เป็นบริษัทที่หารายได้จากโฆษณาเหมือนกัน การจะให้ตัว AdBlock มาตัดรายได้ไป มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของ Google ก็ได้ออกมาประกาศว่า Chrome จะให้สนับสนุนการพัฒนา AdBlocker โดยกำลังร่วมกับนักพัฒนา เพื่อออกแบบระบบให้รักษาความเป็นส่วนตัว ร่วมกับการจำกัดการส่งข้อมูลของผู้ใช้ไปยัง 3rd-party ให้แก่ Manifest V3 ได้อย่างลงตัวมากที่สุด
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |