ถ้ามนุษย์ต่างดาวได้เคยมาเยือนโลกในยุคอดีตจริง ก็น่าจะมีการทิ้งร่องรอยหลักฐานต่างๆ เอาไว้มากมาย และรัฐบาลสหรัฐมีการเก็บเศษซากจานบิน UFO เอาไว้ในบังเกอร์แห่งใดแห่งหนึ่งหรือไม่? มันมีความเป็นไปได้มากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหนึ่งในหลักฐานที่เป็นปริศนาอันน่าทึ่งเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ต้องยกให้โครงกระดูกที่มีการค้นพบในทะเลทราย Atacama ในปี 2003 (ทะเลทราย Atacama เป็นทะเลทรายที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบสูงในทวีปอเมริกาใต้) ซึ่งนักล่า UFO ปักใจเชื่อว่า สิ่งนี้คือหลักฐานที่พิสูจน์การมีอยู่จริงของมนุษย์ต่างดาว แต่ผลการวิจัยล่าสุดชี้ว่า มันคือการค้นพบอันน่าอัศจรรย์ของอารยธรรมมนุษย์
โดยโครงกระดูกที่มีลักษณะประหลาดนี้ถูกขนานนามให้ว่า Ata ซึ่งลักษณะโดยรวมของโครงกระดูกนั้นก็มีความคล้ายมนุษย์เอามากๆ แต่ลักษณะของหัวกระโหลกนั้นยืดยาวจนน่าประหลาด และในวิวัฒนาการอันยาวนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เราไม่เคยมีหัวกระโหลกในลักษณะนี้ แต่อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่า ร่างนี้คือโครงกระดูกของมนุษย์ที่น่าจะเสียชีวิตในวัย 6-8 ขวบ แต่ในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้คิดใหม่ทำใหม่ และพวกเขาคิดว่ามีคำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนในเรื่องโครงกระดูกปริศนานี้แล้ว
โดยรายงานฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสาร Genome Research มีการระบุรายละเอียดว่า ได้มีการตรวจสอบ DNA ของ Ata ลงลึกไปในรายละเอียดมากกว่าการตรวจสอบครั้งก่อน ทีมวิจัยค้นพบว่า โครงกระดูกที่มีความยาวเพียง 6 นิ้วนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นตัวอ่อนของมนุษย์เพศหญิงที่เสียชีวิตในครรภ์มารดา อายุครรภ์เพียงประมาณ 14 - 16 สัปดาห์ (ประมาณ 4 เดือน) แต่ก็ไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเขา
ในเมื่อ Ata เสียชีวิตในครรภ์มารดาในขณะที่เป็นตัวอ่อน แล้วทำไมโครงกระดูกของ Ata ถึึงมีการฟอร์มตัวอย่างสมบูรณ์? ทีมวิจัยค้นพบคำตอบของปริศนานี้ในยีนส์ของ Ata ผลการวิจัยเผยว่ามียีนส์จำนวนหนึ่งเกิดการกลายพันธุ์ ทำให้ร่างกายมีลักษณะที่ผิดเพี้ยนไป Ata ต้องทนทุกข์กับสภาวะความเป็นคนแคระ ทำให้กระดูกของเธอเจริญเติบโตในลักษณะที่ผิดรูปร่าง และรูปแบบการกลายพันธุ์ของ Ata นั้นไม่เคยมีพบที่ไหนมาก่อน ซึ่งข้อมูลนี้เป็นประโยชน์สำหรับการวินิจฉัยความผิดปกติของเด็กในอนาคต และแน่นอนว่าการค้นพบนี้ทำให้ปริศนาเรื่องมัมมี่มนุษย์ต่างดาวถูกคลี่คลายลงโดยสมบูรณ์
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |