ภาพจากเว็บ emirates247.com
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินข่าวการก๊อปปี้บัตร ATM กันบ่อยๆ (Skimming) โดยการที่พวกมิจฉาชีพจะติดตั้งอุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กเอาไว้ที่ช่องเสียบบัตรของตู้ ATM พร้อมทั้งมีการแอบติดตั้งกล้องตัวเล็กๆ เอาไว้เพื่อแอบดูตอนที่เรากดรหัสผ่าน เมื่อมิจฉาชีพได้ข้อมูลจากแถบแม่เหล็กของบัตร ATM ไปแล้ว ก็สามารถนำไปทำเป็นบัตร ATM ใบใหม่ แล้วใช้รหัสผ่านที่ได้มา ไปกดเงินของเราออกจากตู้ ATM ได้เลย เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวของผู้คนในยุคนี้ และมีผู้ที่โดนการโจรกรรมในรูปแบบนี้มาแล้วหลายลาย
และเพื่อต่อต้านการก๊อปปี้บัตร ATM ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกกฏว่า ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2559 ทั้งบัตร ATM และบัตรเดบิตที่ออกโดยทุกธนาคารในประเทศไทย จะต้องเป็นบัตรแบบ ชิปการ์ด จะไม่มีการออกบัตรแบบแถบแม่เหล็กอีกแล้ว และมีข้อบังคับว่า ทุกธนาคารต้องเปลี่ยนบัตร ATM และบัตรเดบิททั้งหมดที่อยู่ในมือลูกค้า ให้เป็นบัตรแบบชิปการ์ดทั้งหมดภายในสิ้นปี 2562 นี่คงจะได้เวลาแล้วที่เราจะต้องไปธนาคารเพื่อเปลี่ยนบัตร ATM แบบเดิมๆ ให้เป็นบัตรแบบชิปการ์ด (บัตร ATM แบบแถบแม่เหล็ก ยังคงใช้งานได้ถึงสิ้นปี 2562)
และสำหรับคนที่เป็นห่วงว่าบัตรแบบใหม่นี้จะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าบัตรแบบ ATM เดิมหรือไม่ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมายืนยันว่า ค่าธรรมเนียมทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้งานจะยังคงเท่าเดิมไปสักระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องที่ในเดี๋ยวนี้ทางธนาคารมักจะเสนอข้อตกลงสำหรับการทำบัตร ATM แบบพ่วงการประกันชีวิต ให้กับลูกค้าที่มาขอทำบัตร ATM (ซึ่งแน่นอนว่าค่าธรรมเนียมรายปี สูงกว่าบัตรแบบไม่มีพ่วงประกันชีวิต) ในเรื่องนี้ก็จะมีการกำกับดูแล แต่ก็คงจะไปห้ามปรามไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งก็ถือเป็นความสมัครใจของลูกค้าเอง ที่เลือกใช้บัตร ATM แบบพ่วงประกันชีวิต
และสำหรับคนที่ยังสงสัยว่าบัตร ATM แบบชิปการ์ดจะสามารถกดเงินออกจากตู้ ATM ต่างธนาคารได้เหมือนบัตรแบบเก่าหรือไม่ ก็สบายใจได้ครับ เพราะว่าทำได้อย่างแน่นอน และถึงเวลานี้ธนาคารทั้งหลายก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนจากตู้ ATM แบบเก่า ให้เป็นตู้ ATM ที่รองรับชิปการ์ดไปแล้วกว่า 80% และคาดว่าจะเปลี่ยนได้ครบ 100% ทั่วประเทศภายในไม่ช้าไม่นานนี้ครับ
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |