เทเลนอร์ เอเชีย แถลงผลสำรวจรายงานประจำปี ฉบับที่ 4 Telenor Asia Digital Lives Decoded 2025 : Building Trust in Thailand's AI Future ท่ามกลางผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยกว่า 65.4 ล้านคน ทางเทเลนอร์ได้สำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวน 1,000 คน โดยมีจุดมุ่งหมายในการสะท้อนเรื่องการใช้งาน AI ความสำคัญ การตื่นตัวในการใช้งาน AI ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ยังกังวลเรื่องความรับผิดชอบและ จริยธรรมที่ชัดเจนเพื่อรองรับการใช้งาน ซึ่งก็เหมือนกับการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีทั้งการนำไปใช้ในทางที่ดีและไม่ดีนั่นเอง
เทเลนอร์ เป็นบริษัทโทรคมนาคมระดับโลกจากนอร์เวย์ มีการดำเนินงานทั้งในไทยและทั่วเอเชีย โดยมีสำนักงานภูมิภาคที่สิงคโปร์ ปัจจุบันมีลูกค้าในระบบ บนเครือข่ายทั้งหมดกว่า 200 ล้านราย ใน 4 ตลาดหลัก บังกลาเทศ, มาเลเซีย, ปากีสถาน และไทย และเป็นพันธมิตรกับ CP Group ในไทย ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากัน อยู่ที่ 30%
หากมองย้อนกลับไปที่งานวิจัย Telenor Asia Digital Lives Decoded ของประเทศไทย ในแต่ละปีที่ผ่านมา โดยฉบับล่าสุดเป็นฉบับที่ 4 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2563) สะท้อนเทคโนโลยีในแต่ละปี
รายงานมีการศึกษาว่า ผู้ใช้เทคโนโลยี มีการใช้เทคโนโลยีอย่างไร เพื่อนำดิจิทัลมาทำให้ชีวิตดีขึ้น ปีที่แล้วมีการพูดถึง Mobile Connectivity มีการเชื่อมต่อและช่วยให้ชีวิตดีขึ้น และมีบทบาทกับชีวิตอย่างไร มีการพูดถึงเทคโนโลยี AI ส่วนปีนี้ มองไปถึงเทคโนโลยี AI เปลี่ยนวิถีชีวิตได้อย่างไร วันนี้มีผลการวิจัยมาเล่าให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น
โดยในรายงานฉบับนี้ มีการสำรวจคนไทย 1,017 คน โดยความร่วมมือกับ GWI เป็นบริษัทวิจัย ทำให้งานวิจัยออกมาน่าสนใจมาก และตอกย้ำ AI เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในประเทศไทย
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว โดยที่เราไม่รู้ตัว หลักๆ AI จะต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัยจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม
ในรายงานฉบับนี้ สะท้อนให้เห็นว่า มีการใช้งาน AI เพิ่มสูงขึ้น โดย 91% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เพิ่มจาก 77% ในปี 2024 โดยกว่าครึ่ง ใช้ AI อย่างน้อยวันละครั้ง มีเพียง 28% ที่ใช้วันละ 2 - 3 ครั้ง และส่วนใหญ่ใช้ AI เป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน ตัวเลขโตเกือบเท่าตัวของปี 2024
ในรายงานระบุว่า 4 ใน 10 ของคนไทยใช้ AI ในการทำงาน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นถึง 93% จากปีก่อน ซึ่งมีเพียง 21% เท่านั้น ถ้ามองโอกาส ยังมีอีก 60% ที่ไม่ได้ใช้ AI ในที่ทำงาน ยังมีช่องว่างในการสร้างการตระหนักรู้ของ AI ให้กับบริษัทต่างๆ อีกเยอะมาก
ในส่วนของ True มีการนำ AI เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน มีการนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ทำให AI เข้าถึงสำหรับทุกคนทั่วประเทศ และล่าสุดเพิ่งได้แต่งตั้ง Chief Data and AI Officer อีกด้วย
ปัจจุบันมีเพียง 1 ใน 3 ของบริษัทไทยที่มีการวางแผนงาน AI อย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นโอกาสของบริษัทอื่นๆ ในการวางแผนนำ AI มาใช้ในการทำงานได้อีกมาก เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการใช้งาน AI ที่โปร่งใสและปลอดภัย
ยังมีโอกาสอีกมาก เพราะ 6 ใน 10 ของคนไทย ตื่นเต้นกับการมาของ AI และเชื่อว่าการใช้งาน AI จะทำให้การใช้งานมือถือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของการใช้ AI แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็มีคนสนใจและทดลองใช้เพื่อเรียนรู้และมองหามุมมองในการนำไปใช้งาน
Gen Z (คนที่อายุน้อยกว่า 28 ปี) มีการพูดถึง AI โดยถือเป็นกลุ่มผู้ใช้งานหลักในการใช้งาน AI ถึง 8.5 ใน 10 คน โดยใช้ในการสร้างคอนเทนต์ และเป็นที่ปรึกษาในด้านต่างๆ รองลงมาคือ Gen Millionaire 8 ใน 10 คน แต่ Gen Z ก็ยังมีความกังวลหนักมากในการใช้ AI เนื่องจากใช้เยอะสุด และยังห่วงเรื่องจริยธรรม นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้ต้องการมากกว่านวัตกรรม
มีการตั้งคำถามเรื่องการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยก็ยังมีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเองในการใช้งาน AI อย่างสร้างสรรค์ มีการอัพสกิลตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติม โดยไม่ได้พึ่งพาภาครัฐ ซึ่งแตกต่างจากปีที่แล้วที่ผลสำรวจยังต้องพึ่งพาภาครัฐช่วยดูแล และเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยดิจิทัล โดยหน่วยงานต่างๆ ก็ตระหนักในความสำคัญและจริยธรรมในการใช้งาน AI และพยายามสร้าง AI Hub ศูนย์กลาง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง AI ที่มีความรับผิดชอบ
การเสวนา มีผู้บริหาร Telenor Asia และผู้บริหารทรู มาร่วมพูดคุยเรื่อง AI
การใช้งาน AI ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และอยู่ภายใต้กรอบของจริยธรรม ความโปร่งใส ฝั่ง True คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น มองเรื่อง AI ขับเคลื่อนประเทศ ช่วยเรื่องการเสริมศักยภาพและการทำงาน การใช้ชีวิตของคนไทย แต่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่คนใครคนใดคนหนึ่ง ทุกภาคส่วนร่วมกันรับผิดชอบในกรอบจริยธรรมที่รัดกุม ในขณะที่ผลการสำรวจครั้งนี้ สะท้อนความคาดหวัง ความโปร่งใส เข้าถึงได้ และไม่ใช่แค่แบรนด์ใช้ AI เพื่อภาพลักษณ์ แต่เพื่อการได้เปรียบทางการแข่งขัน การพัฒนาบุคลากรให้ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการทำงาน
แต่ทั้งนี้ ทักษะในการใช้ AI นำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 62% สร้างสรรค์ผลงาน 52% การสื่อสาร 35% จะต้องมีการเขียนพรอมต์ (Prompt) อย่างมีประสิทธิภาพ 54% ปิดท้ายด้วยเรื่องจริยธรรม 25%
อันดับแรกคือ ใช้ช่วยในการพัฒนาคอนเทนต์ 61% วิเคราะห์ข้อมูล 54% และให้บริการลูกค้า 53%
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ต้องมีทักษะให้ทันเทคโนโลยี ใช้ AI เสริมความมั่นใจด้านความปลอดภัยในโลกออนไลน์ โดย 83% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของบัญชีออนไลน์ และ 78% มองเรื่องภัยคุกคาม
แต่ไม่ใช่การใช้ AI จะน่ากังวล เพราะเอามาช่วยเรื่องความปลอดภัย มีประโยชน์อย่างชัดเจน เช่น ใช้สร้างภาพ (Image Generation) ระบบจดจำใบหน้าเพื่อความปลอดภัย และการให้บริการลูกค้า
แม้ AI จะเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา แต่ ความปลอดภัย จริยธรรม และประสบการณ์ในการใช้งานก็สำคัญ จะต้องอยู่ภายในการตรวจสอบ บังคับใช้ ความรับผิดชอบอย่างถูกต้องและต้องไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัวและกฎหมาย ความโปร่งใสก็เลยเป็นเรื่องของอคติ และการเลือกปฏิบัติในการนำไปใช้
|