ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้อ่านหลายท่านอาจจะได้เห็นกันแล้วว่าทางไมโครซอฟท์นั้นได้ทั้งรณรงค์, ชักชวน, ขอร้อง หรือแม้แต่ข่มขู่ ให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนจาก Windows 10 มาเป็น Windows 11 ซึ่งมักจะไม่ค่อยได้ผลนัก แต่สถิติใหม่นี้อาจทำให้ทางไมโครซอฟท์เบาใจมากขึ้น
จากรายงานโดยเว็บไซต์ The Verge ได้กล่าวถึงสถิติการใช้งาน Windows 11 จากทางเว็บไซต์ Windows Central ได้พบว่าจำนวนผู้ใช้งาน Windows 11 นั้นได้เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมากถึง 52% จากส่วนแบ่งในตลาดทั้งหมด เทียบกับ Windows 10 ที่ลดลงเหลือแค่ 44.59% ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จใหม่ของทางไมโครซอฟท์หลังจากที่ได้ทำแคมเปญชักชวนให้ผู้ใช้งานอัปเกรดจาก Windows 10 ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดการได้รับการสนับสนุนด้านความปลอดภัยในเดือนตุลาคมปีนี้ มาเป็น Windows 11 แทน
โดยแคมเปญดังกล่าวนั้นแม้จะมีการดำเนินการมาพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ก็มักจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหมายไว้ โดยจากสถิติจากเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้งาน Windows 11 มีจำนวนครบ 400 ล้านเครื่อง นั้นใช้เวลาที่ช้ากว่า Windows 10 มาก เนื่องจากใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ขณะที่ Windows 10 ใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และถึงแม้ทางไมโครซอฟท์จะมีโปรโมชันให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเกรด Windows 10 ขึ้นไปเป็น Windows 11 ได้ฟรี แต่ด้วยสเปคเริ่มต้นที่สูง ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์นับล้านเครื่องไม่สามารถอัปเกรดขึ้นไปเป็น Windows 11 ได้ เนื่องจากไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสเปคขั้นต่ำของเครื่องที่ใช้งานอยู่ เนื่องจากถ้าเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่เพื่อใช้งาน Windows 11 และการอัปเกรดเองนั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ และไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานหลายคน นำมาสู่การเปลี่ยนผ่านที่ช้ากว่าที่ทางไมโครซอฟท์คาดการณ์ไว้
|