กล่าวถึงโซเชียลมีเดียที่กำลังมาแรงในยุคปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นโซเชียลมีเดียในรูปแบบการโพสต์วิดีโอสั้นจากจีนอย่าง TikTok แต่ถึงแม้จะเป็นที่นิยม และสร้างรายได้ให้คนจำนวนมาก ในด้านความปลอดภัยของข้อมูลนั้นกลับไม่น่าไว้วางใจจากหลายหน่วยงาน นำไปสู่การเข้าไปพัวพันกับหลายคดีด้วยกัน เช่นในข่าวนี้
จากรายงานโดยเว็บไซต์ The Hacker News ได้กล่าวถึงการที่ทางคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งประเทศไอร์แลนด์ (Data Protection Commission หรือ DPC) ได้ออกมาทำการดำเนินคดีกับทาง TikTok ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า “ทาง TikTok ได้ทำการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งสหภาพยุโรป (GDPR หรือ General Data Protection Regulation) ด้วยการส่งข้อมูลของประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA หรือ European Economic Area) ไปยังประเทศจีนอย่างไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งมีการปฏิบัติการที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความโปร่งใส (Transparency)”
จากข้อกล่าวหาดังกล่าว ได้นำมาสู่คำตัดสินให้ทาง TikTok ต้องจ่ายค่าปรับให้กับทางหน่วยงานเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 530 ล้านยูโร (19,704,340,000 บาท) พร้อมทั้งต้องระงับการส่งข้อมูลของผู้ใช้งานในยุโรปไปยังประเทศจีน อีกทั้งต้องปฏิบัติตามกำหนด และมาตรฐานของทางสหภาพยุโรปภายใน 6 เดือนอีกด้วย
ภาพจาก : https://thehackernews.com/2025/05/tiktok-slammed-with-530-million-gdpr.html
โดยการจับปรับดังกล่าวนั้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากการสืบสวนของหน่วยงานในข้อกล่างหาดังกล่าวมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ซึ่งทางหน่วยงานได้เข้าไปตรวจสอบว่าการส่งข้อมูลกลับไปจีนนั้นเป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวด และเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผลตรวจสอบออกมาแน่ชัดว่า ทาง TikTok ได้ละเมิดกฎหมาย GDPR มาตรา 46 (1) จากการที่ทาง TikTok ไม่สามารถยืนยัน หรือรับประกันการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ถูกส่งออกไปได้ นอกจากนั้นทางหน่วยงาน DPC ยังได้กล่าวหาว่าทาง TikTok ไม่ได้มีความใส่ใจในการพูดคุยถึงประเด็นความกังวลใจในประเด็นที่ข้อมูลส่วนบุคคลขอถูกเข้าถึงโดยรัฐบาลจีนตามกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายของจีน ที่ตัวกฎหมายนั้นไม่ได้มีแนวทาง และมาตรฐานการปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกันกับทางสหภาพยุโรปอีกด้วย
ทางหน่วยงาน DPC ยังได้กล่าวอีกว่า ถึงแม้ทาง TikTok จะยืนยันว่าได้ทำการลบข้อมูลส่วนที่เป็นปัญหาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การควบคุมตรวจสอบจากทางหน่วยงานจะยังดำเนินต่อไป พร้อมด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหน่วยงานอื่น ๆ ภายในสหภาพยุโรป
|