เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมของทุกปีไปแล้วที่ในช่วงต้นปีจะมีข่าวลือใหม่เกี่ยวกับ Android เวอร์ชันใหม่หลุดออกมาจากทาง Google ซึ่งในปีนี้ก็เป็นคิวของ Android 13 ที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่ามันอาจมีชื่อโค้ดเนมว่า “Tiramisu” และน่าจะมีฟีเจอร์ใหม่ออกมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น
หนึ่งในฟีเจอร์ที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นสิ่งที่น่าจับตามองของ Android 13 ก็คงหนีไม่พ้น “Panlingual” หรือฟีเจอร์การ “ตั้งค่าภาษา” ภายในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยผู้ใช้สามารถเลือกใช้งาน “ภาษา” บนแอปพลิเคชันตามใจชอบได้แบบ Custom โดยเข้าไปที่ Settings > System > Languages & input และเลือกปรับใช้งานแอปพลิเคชันในภาษาที่ต้องการได้อย่างอิสระ เช่น ใช้ Facebook ในภาษาอังกฤษ, ใช้ Twitter ภาษาไทย, ส่วนใช้ Instagram ในภาษาเกาหลีก็สามารถทำได้บนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว คาดว่าฟีเจอร์นี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการฝึกสกิลภาษาอยู่ไม่น้อย
ภาพจาก : https://www.xda-developers.com/android-13-tiramisu-exclusive-first-look/#lockscreenclocklayout
ฟีเจอร์การ “ส่งต่อ” ข้อมูลการเล่นเพลงหรือสื่อ (Media) ต่าง ๆ ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างลื่นไหล (ฟีเจอร์คล้ายบน HomePod) แต่ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกออกมาว่ามันจะใช้ NFC หรือ UWB เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อทั้ง 2 อุปกรณ์นี้เข้าด้วยกัน แต่ในหน้า Demo จะเห็นได้ว่าหากอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อหากันมีระยะห่างมากเกินไปมันก็จะเตือนให้ขยับอุปกรณ์เข้าไปใกล้กันเพื่อให้สามารถส่งต่อข้อมูลระหว่างกันเป็นไปอย่างไร้ปัญหา และคาดว่ามันน่าจะสามารถใช้งานร่วมกับทั้งอุปกรณ์ Android และ iOS
ภาพจาก : https://www.androidpolice.com/android-13-tap-to-transfer/
เชื่อว่าบางคนน่าจะเคยรู้สึกรำคาญกับการแจ้งเตือน (Notification) ของแอปพลิเคชันต่าง ๆ จนต้องหาทางปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้กันอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นทาง Google จึงได้ทดสอบใช้งานฟีเจอร์ “POST_NOTIFICATIONS” หรือการปรับการทำงานของการแจ้งเตือนภายในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้เป็นแบบ Opt-in ที่สามารถเลือกกดอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แอปพลิเคชันแสดงแจ้งเตือนภายในเครื่องได้ตามต้องการ (ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ต้องเข้าไปจัดการปิดการแจ้งเตือนด้วยตนเอง)
ภาพจาก : https://www.androidpolice.com/heres-what-android-13s-new-notification-permissions-look-like-in-action/
ก่อนหน้านี้บน Android 12 ได้มีการปรับ UI ใหม่โดยการใช้งาน “Material You” ที่แถบเมนูและปุ่มกดต่าง ๆ จะมีการปรับสีตามวอลเปเปอร์ที่ผู้ใช้เลือก ทำให้สมาร์ทโฟน Android ของเราดู “คุมโทน” มากยิ่งขึ้น ซึ่งบน Android 13 ทาง Google ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์นี้ไปอีกขั้นหนึ่ง โดยมันไม่เพียงแต่จะมีโทนสีตามวอลเปเปอร์ที่ผู้ใช้เลือกเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถเลือกความเข้ม - จางของสีได้ถึง 4 โทนด้วยกัน ทั้งแบบ TONAL_SPOT, VIBRANT, EXPRESSIVE และ SPRITZ
ภาพจาก : https://www.androidpolice.com/android-13-monet-dynamic-themes-new-styles/
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลาย ๆ คนรอคอยกันอย่าง Bluetooth LE (Low-Energy) ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ากับสมาร์ทโฟนได้อย่างลื่นไหลและกินแบตน้อยกว่าปกติแล้ว มันยังขยายระยะสัญญาณออกไปมากขึ้นและช่วยให้เราสามารถใช้งานหลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้นั้นก็คาดว่าจะสามารถใช้งานได้บน Android 13 เช่นกัน
บน Android 13 จะสามารถเลือกเปิดการทำงานของเมนู “QR Scanner” บน Quick Setting ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกน QR Code ได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้โดยไม่ต้องสลับไปเปิดกล้อง (แค่ปัดจอลงเพื่อเรียกใช้งาน Quick Setting และแตะที่ “Scan QR” ก็สามารถสแกน QR Code ได้ง่าย ๆ แล้ว)
ภาพจาก : https://www.androidpolice.com/android-13/
ฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อแปลกตาอย่าง TARE หรือที่ย่อมาจากคำว่า The Android Resource Economy นั้นเป็นฟีเจอร์เครื่องมือการจัดการแบตเตอรี (Battery Management Tools) ใน Android แบบใหม่ที่นำเอา “ระบบ Token” เข้ามาช่วยในการทำงานของแอปพลิเคชันในขณะที่แบตเตอรีเหลือน้อย โดยคร่าว ๆ คาดว่าเมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันมันก็จะเก็บ “เครดิต” เอาไว้ และจะต้องแลกเครดิตกับการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันในขณะที่แบตเตอรีในเครื่องเหลือน้อย ซึ่งหากมีเครดิตไม่พอก็จะไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันตอนแบตอ่อนได้นั่นเอง โดยระบบนี้จะทำงานร่วมกับ JobScheduler และ AlarmManager แต่รายละเอียดยังไม่แน่ชัดเท่าไรนัก คาดว่าเราน่าจะต้องติดตามกันต่อไปว่าทาง Google จะพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์และได้ใช้งานกันบน Android 13 หรือไม่
An update on the phantom process issue: Google has just submitted a patch that adds a toggle in Developer Options to disable the monitoring of phantom processes!https://t.co/Nfn2npZMkX
— Mishaal Rahman (@MishaalRahman) December 14, 2021
We probably won't see this until Android 13, though.
CC @agnosticapollo https://t.co/iPP4fO6GAE
แน่นอนว่าทาง Google ก็ยังยึดกำหนดการณ์การปล่อยอัปเดต Android เวอร์ชันใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย (ช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน) ของปีพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก Google อย่าง Pixel เหมือนอย่างทุกที ส่วนเวอร์ชัน Developer Preview ก็น่าจะได้เห็นและทดลองใช้งานกันในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ส่วนรายชื่อของสมาร์ทโฟนที่คาดว่าน่าจะสามารถใช้งาน Android 13 ได้นั้นก็คาดว่าน่าจะเป็น Google Pixel 4 เป็นต้นไป ส่วน Pixel 3a นั้นยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ ทางด้าน Samsung ก็น่าจะครอบคลุมถึง Galaxy S20 และทิ้งให้ Galaxy S10 เคว้งคว้างไปอย่างน่าเสียดาย แต่สำหรับสมาร์ทโฟนจากค่ายอื่น ๆ ก็ต้องรออัปเดตจากทางบริษัทอีกทีหนึ่ง
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |