จบไปแล้วกับงาน Google I/O ของปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ที่หลังจากหยุดพักไปเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ทาง Google ก็ตัดสินใจกลับมาจัดขึ้นอีกครั้งในรูปแบบออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในหลาย ๆ พื้นที่ยังไม่คลี่คลายดีนัก และแน่นอนว่าพระเอกหลักของงานนี้ก็ได้แก่ Android 12 ที่หลาย ๆ คนรอคอยกันนั่นเอง
ในส่วนของ Android 12 หลังจากที่ปล่อย Developer Preview ออกมาให้ทดลองใช้งานกันก่อนถึง 3 เวอร์ชัน ล่าสุดทาง Google ก็ได้ประกาศเปิดตัว Android 12 (Public Beta 1) ออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไปที่สนใจสามารถกดอัปเดตมาทดลองใช้งานกันได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งนอกเหนือไปจากฟีเจอร์ที่เราได้อัปเดตกันไปใน Android 12 Developer Preview 2 และ 3 กันแล้ว ในเวอร์ชัน Beta ก็ได้เพิ่มการทดสอบฟีเจอร์ที่หลาย ๆ คนรอคอยกันอย่าง Hibernate และ Double Tap ด้วย (ก่อนหน้านี้ยังไม่เปิดให้ใช้งานกันในเวอร์ชัน DP)
สิ่งที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้ใช้หลาย ๆ คนน่าจะเป็นการ ปรับ UI ครั้งใหญ่ของ Android 12 ที่ทาง Google ระบุว่าจะปรับเปลี่ยนมาใช้งาน Material You ที่จะเปลี่ยน UI ทั้งหมดของการใช้งาน Android รูปแบบเดิม ๆ ออกไปทั้งหน้าตาเมนู, คีย์บอร์ด, Widget, ภาพพักหน้าจอ รวมทั้งพัฒนาอนิเมชันต่าง ๆ ให้ออกมาลื่นไหลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยด้วยระบบของ Material You นี้ มันจะทำการปรับแต่งโทนสี UI ตามเฉดสีของรูปวอลเปเปอร์ที่เราเลือกใช้ ส่วน Lockscreen เองก็มีการขยายขนาดนาฬิกาใหญ่โดดเด่นขึ้นมา (ย่อขนาดเล็กลงหากมีการแจ้งเตือน) รวมทั้งได้มีการพัฒนาไอคอนและ Widget ต่าง ๆ ให้มีตัวเลือกการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกเหนือไปจาก Privacy Toggles หรือเมนูเปิด - ปิดการใช้งานกล้องและไมโคโฟนบน Quick Setting ที่เคยได้เผยออกมาใน DP 1 แล้ว ภายใน Android 12 ก็ได้เพิ่ม Privacy Dashboard ที่จะมีการสรุปข้อมูลการใช้งานและเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจเช็คและปิดการอนุญาตเขาถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
ภาพจาก : https://www.androidcentral.com/android-12-preview
รวมทั้งยังเพิ่ม Private Compute Core ที่จะเข้ามาช่วยจัดการการทำงานของฟีเจอร์ที่ใช้งาน AI เข้ามาช่วยเหลือในการทำงาน เช่น Live Caption, Now Playing หรือ Smart Reply ให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นด้วยการประมวลผลข้อมูลจาก Opensourse ที่สามารถตรวจสอบได้
ปกติแล้วการอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้าถึง Location (ข้อมูลตำแหน่งผู้ใช้) นั้นจะเป็นการระบุตำแหน่งอุปกรณ์ที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ แต่ทาง Google ได้เพิ่มการอัปเดตและปรับระบบภายในใหม่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งค่าการเข้าถึง Location ของแอปพลิเคชันต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ ได้ (เฉพาะบางแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลแบบเจาะจง)
ภาพจาก : https://9to5google.com/2021/05/19/android-12-nearby-permission/
รวมทั้งยังปรับระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth ใหม่ให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากันได้โดยไม่ต้องอนุญาตให้เข้าถึง Location ก่อนทำการเชื่อมต่อแล้วอีกด้วย
นอกจากนี้ ในด้านของการประมวลผลและการตอบสนองของระบบก็ลดภาระการทำงานของ CPU ลงไปจากเดิมถึง 22% เลยทีเดียว ก็คาดว่าหลังจากอัปเดต Android 12 ไปใช้งานกันแล้วนั้นก็น่าจะทำให้ผู้ใช้หลาย ๆ คนใช้งานสมาร์ทโฟน Android ได้ลื่นขึ้นจากเดิมด้วย
ภาพจาก : https://android-developers.googleblog.com/2021/05/whats-new-in-android-12-beta.html
นอกเหนือไปจาก Google Pixel แล้ว ใน Android 12 นี้ ทาง Google ยังได้เปิดให้สมาร์ทโฟนอีกหลายค่ายสามารถอัปเดต Android 12 Beta 1 มาทดลองเล่นกันได้ ทั้ง ASUS, OnePlus, OPPO, realme, Sharp, TECNO, TCL, Vivo, Xiaomi และ ZTE (สามารถดูรายชื่อการอัปเดตแบบเต็ม ๆ ได้ที่ https://developer.android.com/about/versions/12/devices) ซึ่งดูจากจำนวนของสมาร์ทโฟนที่รองรับการอัปเดตแล้วก็คาดว่าทาง Google น่าจะวางแผนขยาย Beta Program ออกมามากขึ้นอย่างแน่นอน (แต่ไม่รู้เมื่อไรจะถึงคิวของ Samsung กับเขาบ้างเสียที)
อย่างไรก็ตาม ก่อนทำการอัปเดตเวอร์ชัน Beta มาใช้งานกันนั้น ผู้ใช้ควร Backup ข้อมูลให้เรียบร้อย หรือเลือกใช้เครื่องสำรองแทน เพราะอาจมีโอกาสที่ข้อมูลจะสูญหายจากการทำงานของระบบที่ยังไม่เสถียรได้
ไม่เพียงแต่จะมีอัปเดตของ Android 12 ออกมาเท่านั้น แต่ภายในงาน Google I/O นี้ก็ได้พูดถึงการอัปเดตความสามารถของกล้อง, Google Lens, Google Photos, Chrome, Google Workspaces, Google Maps และ Wear OS
โดยในส่วนของกล้องนั้นได้พัฒนาให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้สีผิวที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติ ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น โดยคาดว่าเราน่าจะได้ใช้งานกันในสมาร์ทโฟนตัวใหม่จาก Google อย่าง Pixel 6 ที่คาดว่าจะเปิดตัวกันภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ส่วน Google Lens ก็สามารถใช้งานร่วมกับ Google Translate ได้ง่ายมากขึ้น ทำให้การแปลภาษาจากป้ายนำทางหรือฉลากสินค้าง่ายดายมากขึ้น ทั้งยังสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการผ่านการสแกนด้วย Google Lens ได้อีกด้วย
สำหรับ Google Photos ก็นำเอา AI เข้ามาช่วยจัดการอัลบัมภายในระบบ (คล้ายกับ Memories ของ Facebook และ Apple) แต่สำหรับ Google Photos นี้จะเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะเก็บภาพความทรงจำนั้นเอาไว้หรือลบรูปนั้น ๆ ออกจาก Memory ในระบบ และยังสามารถเลือกการแสดงผลรูปแบบลบคนหรือสัตว์เลี้ยงภายในภาพออกไปได้ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ Lock Folder เพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บรูปเข้ามาให้ผู้ใช้อีกด้วย
ภาพจาก : https://www.xda-developers.com/google-io-2021-recap/
ภายใน Chrome ก็ได้เพิ่มอัปเดตความปลอดภัยของรหัสผ่านให้การทำงานของ Auto-fill มีความปลอดภัยมากขึ้น และเพิ่ม Password Alert แจ้งเตือนความปลอดภัยของการใช้งานรหัสผ่านบนเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยระบบใหม่นี้จะสามารถใช้งานได้ทั้งบนเว็บไซต์และบนแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
ภาพจาก : https://www.xda-developers.com/google-io-2021-recap/
ส่วน Google Workspace เองก็ได้เพิ่ม Smart Canvas ขึ้นมาให้บริการ Google Docs, Sheets, Slides และ Tasks สามารถใช้งานร่วมกันกับ Google Meets เพื่อทำงานเอกสารต่าง ๆ ร่วมกันบน Google Workspace ได้ง่ายขึ้น ทำให้การปรึกษาพูดคุยงานคล้ายกับการทำงานร่วมกันในออฟฟิศเลยนั่นเอง ทั้งยังเพิ่ม Assisted Writing เข้ามาเพื่อช่วยเหลือด้านการทำงานเอกสารด้วยเช่นกัน
ภาพจาก : https://www.zdnet.com/article/google-io-workspace-wants-to-help-improve-your-writing/
ในส่วนของ Google Maps ก็ได้เพิ่มการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) อย่างลื่นไหลมากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้การนำทางผ่าน Google Maps Live View ได้ง่าย ๆ และเพิ่มเส้นทางการนำทางที่ปลอดภัย (Safer Routing) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friend Routes) มากขึ้นเข้ามาด้วย
ภาพจาก : https://www.xda-developers.com/google-io-2021-recap/
อีกสิ่งที่น่าสนใจภายในงานนี้คือการพัฒนา Wear OS หรือซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ Smart Watch ใหม่ โดยทางบริษัทระบุว่าได้ทำการร่วมมือกับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เจ้าดังจากเกาหลีใต้อย่าง Samsung เพื่อพัฒนา OS ของ Smart Watch ขึ้นมาใหม่ โดยรวมเอาความสามารถเด่น ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน Wear OS ตัวใหม่นี้ได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น พร้อมย้ำว่าจะเพิ่มการทำงานของ YouTube Music และ Spotify เข้ามาใน OS ตัวใหม่นี้อย่างแน่นอน
ภาพจาก : https://www.xda-developers.com/google-io-2021-recap/
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |