ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้จะเห็นได้ว่าบริษัทต่างๆ เริ่มหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางบริษัท Google ที่เคยออกมาประกาศว่าจะนำเอาวัสดุรีไซเคิลมาใช้งานในการผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Pixel, PixelBooks, อุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ ของ Google หรือแม้แต่อุปกรณ์เสริมอย่างเคสและแท่นชาร์จโทรศัพท์เองก็ตาม
ซึ่งอุปกรณ์ใหม่ของ Google ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนที่แล้วในงาน Launch Night In อย่าง Pixel 5 และ Google Nest (Smart Speaker ของ Google) ก็ได้นำเอาวัสดุรีไซเคิลมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตแล้ว (ด้านหลังตัวเครื่องของ Pixel 5 ใช้อะลูมีเนียมรีไซเคิล 100% ส่วน Nest ใช้พลาสติกรีไซเคิล 70% หุ้มด้วยผ้า) และทางบริษัทก็ได้วางแผนว่าจะนำเอาวัสดุรีไซเคิลมาใช้งานมากขึ้นในอนาคต โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) ที่จะถึงนี้จะผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ด้วยวัสดุรีไซเคิลให้ได้ราว 50% ของอุปกรณ์ทั้งหมด
โดย David Bourne พนักงานฝ่าย SSA (Sustainability Systems Architect) ของ Google ได้ประกาศในบล็อกของบริษัทว่า
เราได้เริ่มนโยบายลดการใช้งานพลาสติกในกล่องอุปกรณ์ต่างๆ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) แล้ว แต่มันยังเป็นเพียงแค่ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น เราตั้งใจจะขยายการใช้งานวัสดุรีไซเคิลให้มากขึ้น และร่วมมือกันกับบริษัทคู่ค้าอื่นๆ ในการพัฒนาและผลักดันโครงการนี้ให้มากยิ่งขึ้น และภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) นี้ เราจะปรับการใช้งานกล่องอุปกรณ์ต่างๆ ให้ปลอดการใช้งานพลาสติกแบบ 100% โดยเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่สามารถนำเอากลับมารีไซเคิลได้แบบ 100%
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าทางบริษัทน่าจะสามารถคว้าประกาศนียบัตร Zero Waste-To-Landfill ของ UL (Underwriters Laboratories) ที่มอบให้กับบริษัทที่มีการจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างขยะน้อยกว่า 90% ในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ได้อีกด้วย
และไม่เพียงแต่จะให้ความสนใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ Google ยังให้ความสำคัญในการใช้พลังงานสะอาดที่สามารถผลิตและนำมาใช้ซ้ำได้อีกด้วย และมุ่งพัฒนาให้เป็นบริษัท Carbon-Free ที่จะยกเลิกการใช้งานพลังงานคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) ราว 5GW (Gigawatt), ช่วยลดการปล่อยพลังงานคาร์บอนกว่า 1 พันล้านตัน และร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าอื่นๆ ในการลดการใช้งานพลังงานคาร์บอนลง
แต่นอกเหนือไปจาก Google แล้ว อีกหลายๆ บริษัทเองเริ่มทยอยออกนโยบายการ “ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์” ออกมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Apple และ Samsung ที่ได้ยกเลิกการแถมหูฟังและ Adapter ชาร์จแบตให้กับลูกค้าแล้ว (ในส่วนของ Apple ที่ยกเลิกการแถม Adapter ใน iPhone 12 น่าจะเป็นแผนการตลาดใหม่มากกว่า เพราะสายชาร์จของ iPhone 12 เป็นแบบ Lighting-to-C แต่หัว Adapter รุ่นก่อนๆ นั้นรองรับการใช้งานแบบ Lighting-to-USB)
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |