สมาร์ทโฟนที่เป็นระบบปฏิบัติการ Android มีให้เลือกมากมายหลากหลายรุ่น ราคาก็มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยไปจนถึงหลายหมื่น แน่นอนว่ารุ่นที่มีราคาถูก สเปกก็ย่อมต่ำกว่าพวกรุ่นระดับเรือธงอยู่แล้ว ปัญหาก็คือ สมาร์ทโฟนบางรุ่นผู้ผลิตก็เน้นราคามากเกินไปด้วยการทำสเปกมาต่ำสุดๆ ถามว่ามันใช้งานได้ไหม ใช้เป็นโทรศัพท์ก็พอได้แหละ แต่จะใช้ให้สมฐานะที่เป็นสมาร์ทโฟนได้หรือเปล่าก็อีกเรื่อง
เพราะ Android ในปัจจุบันก็มีลูกเล่นเยอะขึ้น แอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำอะไรได้มากมายกว่าสมัยก่อน เมื่อต้องมาทำงานบนสมาร์ทโฟนที่สเปกต่ำมากๆ ก็เลยชอบมีปัญหา สาเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดจากแรมไม่พอ ทำให้ใช้งานได้ไม่ลื่น, แอปพลิเคชันปิดตัวเองไปดื้อๆ หรือไม่ก็ค้างบ่อย ล่าสุดปัญหานี้น่าจะลดลงในไม่ช้า เพราะ Google เหมือนจะออกมาเคลื่อนไหว กำหนดสเปกขั้นต่ำของสมาร์ทโฟนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android ได้แล้ว
เว็บไซต์ XDA ได้รายงานว่าเอกสารภายในของ Google ได้ระบุความเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับข้อกำหนดของอุปกรณ์ที่จะใช้ระบบปฏิบัติ Android 10 และ Android 11 จะต้องมีแรมอย่างน้อย 2GB โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นต้นไป
โดยสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 10 หรือ 11 ที่มีแรมน้อยกว่า 2GB จะไม่สามารถติดตั้ง GMS แบบ Preloading (คาดว่าน่าจะทำการติดตั้งแบบ Sideload เองได้) และจำเป็นต้องกำหนดค่า ActivityManager.isLowRamDevice() API รวมถึงทำตลาดในชื่อของอุปกรณ์ประเภท Android Go ด้วย ทั้งนี้ สมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายแล้วในตอนนี้แต่มีแรมน้อยกว่า 2GB จะยังทำตลาดในชื่อเดิมได้ต่อไป โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็น Android Go
ข้อกำหนดเดิมของ Android Go กำหนดแรมขั้นต่ำไว้ที่เพียง 512MB เท่านั้น และหากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบบ OEMs ต้องการ Pre-install แอปพลิเคชันของ Google ด้วย อุปกรณ์จะต้องมีแรมอย่างน้อย 1GB การที่ขยับแรมขึ้นมาเป็น 2GB น่าจะช่วยให้ Android Go ในท้องตลาดมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันมาก แต่ก็น่าสนใจว่าราคาจะมีการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วยหรือเปล่านะ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |