ในปี 2016 Lida Xing นักบรรพชีวินวิทยา (Palaeontologist) แห่งมหาวิทยาลัยธรณีวิทยาในประเทศจีนได้ นำเอาชิ้นส่วนของอำพันกลับมาจากเหมืองทางตอนเหนือของประเทศพม่า และได้ส่งต่อไปให้กับ Dr. Jingmai O’Connor เพื่อนร่วมงานที่ทำงานอยู่ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ปักกิ่งเพื่อทำการ ตรวจสอบซากฟอซซิล รูปร่างประหลาดภายในอำพันก้อนนี้
ภาพจาก : https://theconversation.com/ancient-bird-skull-found-in-amber-was-tiny-predator-in-the-time-of-giant-dinosaurs-132949
ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 4 ปีก็ได้คำตอบว่าซากของฟอซซิลที่มีรูปร่างคล้ายกระโหลกศีรษะของนกนี้น่าจะติดอยู่ในอำพันมากว่า 99 ล้านปีก่อน จึงสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นฟอซซิลของไดโนเสาร์นก (ไดโนเสาร์มีปีกที่สามารถบินได้คล้ายนก) ในยุคครีเทเชียส (Cretaceous) ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดย กระโหลกของมันมีขนาดเล็กประมาณ 14.25 มิลลิเมตร (ประมาณ 1.4 เซนติเมตร) เพียงเท่านั้น
“เราพบว่ากระโหลกของมันมีขนาดเล็กกว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง (Bee Hummingbird) เสียอีก นั่นแสดงว่ามันเป็นไดโนเสาร์ที่ตัวเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังเป็นนกขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย” Dr. O’Connor กล่าว
โดยนก Bee Hummingbird นั้นถือได้ว่าเป็นนกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ความยาวของกระโหลกศีรษะของมันเมื่อตัดความยาวของจะงอยปากออกไปจะอยู่ที่ 8.8 มิลลิเมตร ในขณะที่ ฟอซซิล ที่พบนี้มีความยาวกระโหลกเพียง 7.1 มิลลิเมตร
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อของมันว่า Oculudentavis Khaungraae โดยชื่อดังกล่าวนี้มาจากคำว่า “ดวงตา (Oculas), ฟัน (Dentes) และปาก (Avis)” ในภาษาละติน ส่วนคำว่า Khaungraae นั้นมาจาก Khaung Ra ที่เป็นชื่อของผู้สนับสนุนที่บริจาคเงินให้กับทางพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอำพัน Hupoge (Hupoge Amber Museum)
และจากการศึกษาก็พบว่า Oculudentavis Khaungraae มีจำนวนฟันมากกว่าฟอซซิลของนกชนิดอื่นๆ โดยบริเวณจะงอยปากด้านบนทางขวามีฟันจำนวน 23 ซี่ ส่วนทางซ้ายมีจำนวน 18 ซี่ จึงสันนิษฐานกันว่ามันน่าจะเป็น ไดโนเสาร์นกนักล่า (Theropods) ที่ล่าสัตว์จำพวกแมลงเป็นอาหาร
รูปวาดจำลองลักษณะตัวของ Oculudentavis Khaungraae ที่มีฟันแหลมคม
ภาพจาก : https://www.bbc.com/news/science-environment-51835946
นอกจากนี้มันยังมี ดวงตาที่รูปร่างต่างจากนกทั่วไป เพราะโดยปกติแล้วดวงตาของนกจะมีกระดูกรูปวงแหวนที่ช่วยในการรองรับฐานลูกตา ที่เรียกว่า Scleral Ossicles แต่สำหรับ Oculudentavis นั้นมี ดวงตาที่โปนออกทางด้านข้างคล้ายกับสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน มากกว่า โดยศาสตราจารย์ Lars Schmitz นักวิจัยจากสถาบัน W.M Keck Sciece ในรัฐ California ที่เป็นผู้ร่วมศึกษาฟอซซิลชิ้นนี้ได้พูดถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่า
จากผลการสแกนฟอซซิลชิ้นนี้พบว่ามันเป็นฟอซซิลของสิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัยแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าลักษณะของดวงตาของมันพิเศษกว่านกและไดโนเสาร์ตัวอื่นๆ ที่เราเคยค้นพบมา และการค้นพบฟอซซิลของสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ขนาดเล็กเท่านี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ภาพสแกนกระโหลกศีรษะของ Oculudentavis Khaungraae ที่มีฐานดวงตาคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน
ซึ่งหลังจากที่ศึกษาวิจัยเรื่องฟอซซิลของ Oculudentavis Khaungraae จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางทีมวิจัยตั้งใจว่าจะนำเอาอำพันก้อนนี้ กลับไปจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอำพัน Hupope (Hupoge Amber Museum) ประเทศพม่าที่เป็นประเทศที่ค้นพบฟอซซิลนี้
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |