คงจะดีถ้าเราสามารถระบายความเครียดที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดที่เคยกระทำเอาไว้ เรื่องราวที่เราไม่อาจอธิบายให้คนใกล้ตัวฟังได้ หรือแม้แต่เรื่องราวที่น่าอับอาย ซึ่งหากพูดไป "ผลกระทบ" ที่ย้อนกลับมาอาจทำให้เรา "ต้องเสียใจ" ซึ่งคอนเซ็ปต์ของแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า "Whisper" หรือเสียงกระซิบ ก็มอบโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ความลับของตัวเองได้ผ่านสังคมในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เป็นของแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้อื่นรู้ว่าคุณเป็นใคร เพราะข้อมูลต่างๆ ทั้งชื่อจริง ที่อยู่ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ จะถูกเก็บเป็นความลับ และใช้นามสมมุติแทนในสังคมของ "Whisper"
ภาพจาก https://www.dailydot.com/debug/whisper-what-you-need-to-know/
พอได้ฟังแล้วก็เหมือนเป็นแนวคิดที่คล้ายกับความเชื่อการสารภาพบาปของศาสนาคริสต์ ที่เหล่าคริสต์ศาสนิกชนจะเข้าโบสถ์เพื่อสารภาพบาป ต่อหน้าบาทหลวงเพื่อคลายความกังวล ซึ่งส่วนมากตามจรรยาบรรณแล้วบาทหลวงจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ของคนที่มาสารภาพบาป แต่จะเป็นอย่างไรถ้าบาทหลวงคนนั้นเผยข้อมูลของพวกเขาให้คนอื่นรู้
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา Matthew Porter และ Dan Ehrlich นักวิจัยจาก 'Twelve Security' บริษัทด้านรักษาความปลอดภัยโลกไซเบอร์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแฉผ่านสื่อ และรายงานภาครัฐอีกด้วยว่าพวกเขาพบว่าแอปฯ Whisper ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้งานลงในฐานข้อมูลออนไลน์ โดยไม่มีการเข้ารหัสรักษาความปลอดภัย ทำให้ทุกคนสามารถเสิร์ชชื่อนามสมมุติผู้โพสต์ และเจอข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง ตำแหน่งที่อยู่ และอื่นๆ พูดอีกอย่างก็คือ ความลับของคนจำนวนกว่า 900 ล้านคนที่เคยใช้แอปฯ ตั้งแต่วันเปิดตัวเมื่อปี 2014 ถูกเปิดเผยทันทีว่าใครเป็นใคร และโพสต์อะไรไว้บ้าง
งานนี้ MediaLab บริษัทแม่ของแอปฯ Whisper ก็ออกมาแก้ต่างว่านี่เป็นความตั้งใจออกบริษัท เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่า "เปิด-ปิด" ข้อมูลส่วนตัวได้ไม่ใช่ความผิดพลาดของบริษัท แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นเพราะความจริงคือ Whisper ปล่อยข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นรั่วไหลทั้งๆ ที่การปิดเป็นความลับคือสิ่งที่ผู้พัฒนาบอกกับผู้ใช้เองทุกคนเอง และเป็นจุดที่ทำให้แอปฯ ได้รับความนิยม
หลังกลายเป็นประเด็นขึ้นมา เจ้าหน้าที่รัฐได้ทำหนังสือแจ้งต่อบริษัทแม่ของแอปพลิเคชันดังกล่าวซึ่งบริษัทก็ทำการแก้ไขทุกอย่างให้กลับเป็นปกติทันที เรื่องนี้เลยถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้เรารู้ว่าในโลกออนไลน์ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นความลับตลอดไป ถึงแม้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ จะบอกว่าข้อมูลของเราที่กรอกไปตอนสมัครจะเป็นความลับ แต่ความจริงพวกเขาเอาไปทำอะไรบ้างเราก็ไม่มีวันรู้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Whisper พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลติดตามของผู้ใช้มาโดยตลอด เพื่อทำให้เชื่อมั่นได้ว่าสิ่งที่ผู้ใช้โพสต์น่าเชื่อถือ และเป็นความจริง
สำหรับแอปฯ Whisper คือแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ ทุกคนสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ทั้ง iOS และ Android แต่น่าเสียดายที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน แอปฯ Whisper ยังมียอดผู้ใช้กว่า 30 ล้านคนทั่วโลก จำกัดการใช้งานตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ก็มีผู้ใช้งาน 1.3 ล้านคนที่พบว่าเป็นเยาวชน
เนื่องจากสังคมของ Whisper แม้จะมีเรื่องราวชวนขบขันของแต่ละคนที่ได้มาสารภาพความผิดต่างๆ เช่น "ดีใจจังที่เพื่อนร่วมห้องฉันไม่อยู่ เพราะจะได้ไม่ต้องทำเหมือนกับว่าล้างมือแล้วหลังเข้าห้องน้ำเสร็จ" ซึ่งก็ดูไม่มีอะไร
แต่ก็ยังมีเรื่องราว เกี่ยวกับเนื้อหาทางเพศ และความรุนแรง จึงเป็นเหตุผลที่เยาวชนไม่ควรเข้าไปใช้ และบางครั้งจะมีประเด็นเรื่องของศีลธรรมรวมอยู่ด้วย เหมือนที่มีประเด็นดังอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ผู้ใช้คนหนึ่งบอกว่าตัวเองเป็นนางพยาบาลและโพสต์ว่า "ฉันเป็นพยาบาลในแผนกสูตินรีเวช อาทิตย์ก่อนมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเสียชีวิตหลังคลอดลูก ขณะที่คู่รักวัยเยาว์คู่หนึ่งเพิ่งสูญเสียลูกแรกเกิดของพวกเขาไปในวันเดียวกัน ฉันก็เลยสลับตัวเด็ก" ไม่มีใครทราบว่าสิ่งที่เธอโพสต์คือเรื่องจริงหรือแต่งขึ้นมา
ภาพจาก : https://www.webwise.ie/wp-content/uploads/2015/01/photo-5.png
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |