ทาง Google ได้ปล่อย พรีวิว Android 11 สำหรับ Developer (Android 11 for Developers Only) ออกมาให้ทดลองเล่นกันแล้วเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน Google Pixel 2 ขึ้นไป สามารถลงทะเบียนเพื่อขอใช้งานได้ แต่ไม่แนะนำให้ผู้ใช้ทั่วไปติดตั้งเพื่อทดลองใช้งานด้วยตนเอง เพราะเมื่อติดตั้งแล้วจะลบข้อมูลภายในเครื่องออกไปทั้งหมด (สำหรับผู้ใช้ทั่วไปทาง Google ระบุว่าจะปล่อย Android 11 นี้ออกมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020)
ใน Android 11 นี้จะนำเอา Bubbles Chat (คล้าย Bubbles ของ Facebook Messenger) กลับมาใช้งานบนแอปพลิเคชัน Google Messages (แอปพลิเคชันแชทของ Google) โดยได้มีการพัฒนา UI ให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะรองรับบนแอปพลิเคชันแชทอื่นๆ อย่าง WhatsApp อีกด้วย (แต่สำหรับแอปพลิเคชัน Line ไม่มีการระบุว่าจะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้หรือไม่) และจะปรับให้การแจ้งเตือนของแอปพลิเคชัน Messages ให้เด้งขึ้นไปอยู่ข้างบนสุด ส่วนแถบการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น Email ใหม่, การกดไลค์บน Instagram, การอัปเดตแอปพลิเคชัน หรือการแจ้งเตือนอื่นๆ จะลงไปอยู่ใต้การแจ้งเตือนของการแชท
ปกติแล้วการขออนุญาตเข้าถึงฟังก์ชันอื่นๆ ภายในสมาร์ทโฟน Android อย่างกล้อง, ไมโครโฟน หรือโลเคชันของโทรศัพท์นั้นจะเป็นการสอบถามและเลือกให้อนุญาตในครั้งเดียวโดยไม่มีการถามซ้ำ (หากไม่ได้ลบแคชทิ้ง) แต่ใน Android 11 นี้จะ เพิ่มการอนุญาตการเข้าถึงแบบชั่วคราว เข้ามาด้วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้
เมื่อเปิดการใช้งานโหมด Dark Theme (Dark Mode) แล้ว ตัวสมาร์ทโฟนจะทำการปรับหน้าการแสดงผลโดยอัตโนมัติเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และจะปรับกลับไปเป็นโหมดปกติในช่วงเวลากลางวัน และสามารถ ตั้งเวลาเปิด-ปิด Dark Theme แบบกำหนดช่วงเวลาเอง ได้อีกด้วย
ปกติแล้วการ Bluetooth จะหลุดเมื่อเปิดใช้งานโหมดเครื่องบินและทำให้การเชื่อมต่อของหูฟังหรือแกดเจ็ตเสริมอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Bluetooth นั้นสัญญาณขาดหายไป แต่ใน Android 11 นี้จะยัง คงการเชื่อมต่อ Bluetooth ขณะเปิดโหมดเครื่องบิน ให้สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น
ภาพจาก : https://9to5google.com/2020/02/20/android-11-developer-preview-1-top-new-features/
เลือก ปักหมุดแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยในหน้าการแชร์ข้อมูล ไปยังแหล่งอื่นได้ถึง 4 แอปพลิเคชัน ซึ่งก็คาดว่าน่าจะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้มากเลยทีเดียว
เพิ่มฟังก์ชันการ บันทึกหน้าจอ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตัวเครื่องโดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแยกมาเสริม (ปรับให้มีความเสถียรมากขึ้นจากใน Android 10)
สำหรับสมาร์ทโฟน Android ที่สามารถชาร์จแบตแบบไร้สายได้จะเพิ่มการ แจ้งเตือนเมื่อวางสมาร์ทโฟนไม่ตรงกับจุดชาร์จบน Charger Pad (นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าทาง Google จะเพิ่ม Battery Share เข้ามาใน Pixel 5 อีกด้วย)
ภาพจาก : https://9to5google.com/2020/03/02/android-11-misaligned-wireless-charging/
สามารถเพิ่ม-ลดเสียง, เปลี่ยนเพลง หรือกดหยุดเล่นเพลงได้โดยการ “ขยับมือ” บริเวณใกล้กับหน้าจอโดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องแตะหรือสัมผัสจอ และใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ขณะหน้าจอดับได้อีกด้วย แต่จะสามารถ ใช้งานได้เฉพาะกับสมาร์ทโฟนที่มี Soli Chip (ชิปที่ฝังอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่น Pixel 4 ขึ้นไป) ที่สามารถตรวจจับเรดาร์การเคลื่อนไหวได้เท่านั้น
ภาพจาก : https://zinggadget.com/2020/02/20/android-11-motion-sense-function/
นอกจากนี้ยังได้ระบุว่าทางบริษัทจะมีการจะพัฒนา Android 11 นี้ให้ รองรับเทคโนโลยี 5G และเพิ่มฟีเจอร์ที่จะช่วยซัพพอร์ทหน้าจอ ของสมาร์ทโฟน Android รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอโค้ง, จอพับ, จอ Pinhole ที่มีความหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |