ตลาดการซื้อขายออนไลน์นั้นเข้ามา แย่งยอดขายของอุตสาหกรรมการค้าถึง 16% ในขณะนี้ และคาดว่าจะพุ่งขึ้นสูงถึง 25% ในปี 2026 และแน่นอนว่าหลายบริษัทก็ได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไปไม่น้อยเลยทีเดียว และบริษัทสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ อย่าง Bose เองก็ออกมากล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา การซื้อสินค้าออนไลน์นั้นได้รับความนิยมสูง มากกว่าการวอล์คอินเข้ามาซื้อหน้าร้านหลายเท่า และยอดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้นก็มีจำนวนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ภาพจาก : https://www.archify.com/id/photo/detail/17649
ทางบริษัท Bose จึงตัดสินใจที่จะปิดตัวหน้าร้านทั้งหมดของบริษัทลง โดยเบื้องต้นได้วางแผนจะปิดตัวหน้าร้าน 119 สาขา ทั้งในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ส่วนสาขาอื่นๆ ที่เหลือราว 130 สาขา ทั่วประเทศจีน, เกาหลี, สหรัฐอาหรับเอมิเรต, อินเดีย และในทวีปเอเชีย (รวมทั้งในประเทศไทย) ก็น่าจะ ทยอยปิดตัวลง หลังจากนี้อีกไม่นานเช่นกัน
Colette Burke รองประธานฝ่ายการตลาดทั่วโลกของทางบริษัท Bose ยอมรับว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างโหดร้ายในการบอกเลิกจ้างในครั้งนี้ แต่เขาก็ ยืนยันว่าลูกจ้างทุกรายจะได้รับการชดเชย สำหรับการเลิกจ้างในครั้งนี้อย่างแน่นอน
“ความจริงแล้ว หน้าร้านของเรานั้นมีประโยชน์มาก เพราะมันเป็นพื้นที่ที่ลูกค้าจะได้เข้ามาสัมผัสและทดลองใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของทางบริษัท รวมทั้งเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันและกัน เพื่อให้ทางบริษัทได้รับทราบถึงความต้องการและนำคำติชมนี้ไปปรับปรุงให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก็ต้อง ปรับตัวไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า และถึงแม้ว่าหน้าร้านของเราจะปิดตัวลงแต่เราก็ยังคงเปิดรับคำติชมของลูกค้าอยู่ดังเดิม” Colette Burke กล่าว
อย่างไรก็ตาม Bose ก็ไม่ใช่บริษัทแรกที่ตัดสินใจปิดตัวหน้าร้านลงเพราะการเติบโตของตลาดออนไลน์ เพราะทางสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศว่า หน้าร้านกว่า 9,000 ร้านได้ปิดตัวลงในปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งก็นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากกว่าปี 2018 ถึง 59% และเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจมาเลยทีเดียว
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |