มีคนส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจเปลี่ยนไปรับประทานมังสวิรัติ (บุคคลที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์แต่รับประทานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากสัตว์ เช่น นม, ชีส หรือน้ำผึ้ง เป็นต้น) หรือเป็นวีแกน (บุคคลที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์เลย) ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ, ต้องการลดโลกร้อน หรือไม่ชื่นชอบระบบการทำปศุสัตว์
และ Tammi Jonas เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากที่เธอได้อ่าน “Animal Liberation” หนังสือที่เขียนขึ้นโดยนักปรัชญาชาวออสเตรเลียที่มีชื่อว่า Peter Singer ที่เป็นหนังสือตีแผ่ความเลวร้ายของกระบวนการทำฟาร์มปศุสัตว์ที่ระบุว่าอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์นั้นมีการทรมานสัตว์โดยไร้ความจำเป็น เธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปรับประทานมังสวิรัติในปี 1970
ภาพจาก : https://www.biblio.com/book/animal-liberation-peter-singer/d/818062196
“หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นฉันก็ได้รับรู้ถึงขั้นตอนกระบวนการทำปศุสัตว์ที่แสนโหดร้ายและรู้สึกว่าไม่อยากสนับสนุนกระบวนการทรมานสัตว์แบบนี้ต่อไป ฉันจึงตัดสินใจว่าจะเลิกรับประทานเนื้อสัตว์และหันมารับประทานมังสวิรัติแทน” Jonas กล่าว
ซึ่งเหตุผลที่ Jonas เปลี่ยนแปลงตัวเองจากการรับประทานเนื้อสัตว์แบบปกติไปเป็นการรับประทานมังสวิรัตินั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะจากผลการศึกษาวิจัยของ Roy Morgan (สถาบันวิจัยของประเทศออสเตรเลีย) ระบุว่าชาวออสเตรเลียกว่า 2.5 ล้านคน หรือ 12% ของประชากรในประเทศออสเตรเลียนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นมังสวิรัติเนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าการทำปศุสัตว์นั้นเป็นการทรมานสัตว์โดยไร้ความจำเป็นเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Jonas ไม่เพียงแค่ผันตัวจากการรับประทานมังสวิรัติกลับไปรับประทานเนื้อสัตว์ตามเดิม แต่เธอยังเปลี่ยนบ้านของเธอเป็นฟาร์มเลี้ยงหมูและลงมือเชือดหมูที่เธอเลี้ยงด้วยตัวเองอีกด้วย!
ภาพจาก : https://www.dailymail.co.uk/news/article-7624757/Vegetarian-hooked-meat-eating-single-burger-BUTCHER.html
Jonas เล่าว่าเธอใช้ชีวิตแบบเป็นมังสวิรัติมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 ชีวิตของเธอก็มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะหมอเตือนว่าเธอป่วยเป็นโรคโลหิตจางและขาดธาตุเหล็กอย่างรุนแรงในระดับที่เป็นอันตรายต่อทั้งตัวเธอและลูก และแนะนำให้เธอรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
“หลังจากที่หาหมอฉันก็ออกไปทำงานตามปกติ แล้วก็มีความคิดขึ้นมาว่า ‘เบอร์เกอร์ซักชิ้นน่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้นะ’ และฉันก็กลับไปรับประทานเนื้อสัตว์ (เนื้อวัวและเนื้อแกะ) อีกครั้ง โดยเฉลี่ยประมาณอาทิตย์ละครั้งในช่วงที่ตั้งครรภ์ และใช้เวลาอีกหลายปีหลังจากนั้นกว่าจะตัดสินใจว่าฉันจะกลับไปรับประทานเนื้อหมูและไก่เหมือนเดิม” นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่าในช่วงนั้นเธอเลือกที่จะรับประทานเฉพาะสัตว์ที่เชือดจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานและมีจรรยาบรรณเพียงเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่เธอตัดสินใจเปิดฟาร์มเลี้ยงหมูที่บ้านของเธอเองนั้น Jonas ให้เหตุผลว่าหลังจากที่เธอย้ายครอบครัวจากรัฐ Oregon ในประเทศสหรัฐอเมริกามาอยู่ที่เมือง Victoria ประเทศออสเตรเลีย เธอก็พบว่าการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและการทำฟาร์มนั้นดูน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก เธอจึงพูดคุยกับ Stuart สามีของเธอถึงเรื่องนี้ และทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำฟาร์มในพื้นที่บริเวณเล็กๆ และวิธีการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกต้อง
ภาพจาก : https://10daily.com.au/news/a191029cstrv/meet-the-vegetarian-who-became-a-butcher-20191029
“รู้ตัวอีกทีเราทั้งคู่ก็กำลังจะเป็นเจ้าของฟาร์มไปเสียแล้ว, และฉันก็รู้สึกว่ามันจะต้องกลายเป็นฟาร์มหมูอย่างแน่นอน เพราะหมูเป็นสัตว์ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างทารุณที่สุดในกระบวนการทำปศุสัตว์ทั้งหมด”
และไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้ตั้ง Jonia Farm ขึ้นมาได้สำเร็จและได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเชือดสัตว์ทีละน้อย ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าการที่ต้องเชือดสัตว์ที่เธอเป็นคนเลี้ยงเองนั้นไม่เคยทำให้เธอรู้สึกสบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้ตอนนี้เธอจะทำฟาร์มมาได้ราว 8 ปีแล้วก็ตาม
“ฉันคิดว่าพวกมัน (หมูที่ถูกเลี้ยงอยู่ในคอก) น่าจะรู้สึกเครียด ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะทำให้ความเครียดตรงนั้นหายไป และอยากจะช่วยให้พวกมันไม่รู้สึกถึงความเครียดเลยแม้แต่ในขณะที่กำลังจะถูกเชือดก็ตาม และฉันก็ไม่รู้สึกผิดเวลารับประทานเนื้อสัตว์ที่ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ทรมานหรือหวาดกลัวทั้งตอนที่มันมีชีวิตอยู่และในตอนที่มันกำลังจะตาย”
ภาพจาก : https://www.heraldsun.com.au/leader/north/former-vegetarian-cuts-to-the-bone-of-ethical-farming-with-nosetotail-pig-farming-project/news-story/3a6a11fe0ddd7195779001d1a1655b09
ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มคนที่เป็นวีแกนหรือรับประทานมังสวิรัติส่วนหนึ่งมองว่าการทำปศุสัตว์เป็นสิ่งที่ผิดหลักจริยธรรมและไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของการทำฟาร์มของ Jonas แต่เธอก็ไม่ได้สนใจคนกลุ่มนั้นแต่อย่างใด
“ฉันไม่ได้คิดว่าการฆ่าสัตว์เพื่อนำเอาพวกมันมาทำเป็นอาหารจะเป็นสิ่งไม่ที่ถูกต้องนะ แล้วฉันเองก็รู้สึกสบายใจกับการที่ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในวงการอาหารในประเทศของฉันอีกด้วย แต่การเลี้ยงดูพวกสัตว์ต่างๆ ในการทำปศุสัตว์อย่างการจำกัดพื้นที่อยู่อาศัยอยู่ในคอกแคบๆ โดยที่ไม่อนุญาตให้ออกไปวิ่งเล่นหรือสูดอากาศภายนอกเลยนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และไร้จริยธรรมที่สุด” Jonas กล่าวทิ้งท้าย
ไม่ใช่เพียงแค่ Tammi Jonas เท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่เป็นวีแกนหรือบุคคลที่รับประทานมังสวิรัติอีกมากที่เปลี่ยนอาชีพไปขายเนื้อสัตว์เนื่องจากไม่พอใจในระบบการทำฟาร์มปศุสัตว์ และหวังว่าการพาตัวเองเข้าสู่วงการนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของบรรดาสัตว์ในระบบปศุสัตว์ได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยคนกลุ่มนี้ได้เรียกตนเองว่าเป็น Ethical Butcher หรือบุคคลที่ฆ่าสัตว์อย่างมีจรรยาบรรณ ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 15 ปีก่อน หลังจากที่นิตยสาร New York Times ตีพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องการทารุณกรรมสัตว์และความรุนแรงในระบบฟาร์มปศุสัตว์ ทำให้มีกระแสของ Ethical Butchery เกิดขึ้นมานั่นเอง
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |